เกียวโดนิวส์ (22 มี.ค.) ร่างรายงานนโยบายต่างประเทศประจำปีของญี่ปุ่นเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือกับสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ เพื่อตอบโต้พฤติกรรมรุกรานของจีนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
ร่างเอกสารปกน้ำเงินการทูตสำหรับปี 2567 ระบุชัด “จีนยังคงเดินหน้าและเพิ่มความพยายามเพียงฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ด้วยกำลัง” และ “กิจกรรมทางทหาร” ในน่านน้ำรอบๆ ญี่ปุ่น รวมถึงทะเลจีนใต้และตะวันออกด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนทำให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่ "รุนแรงและซับซ้อนที่สุด" และควรได้รับการแก้ไขด้วยการร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายกัน ไม่เพียงแต่เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่ใกล้ชิดอย่างสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ด้วย
ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ได้เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รับมือการอ้างสิทธิเหนือดินแดนและการขยายกิจกรรมทางทหารของปักกิ่ง
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นเตรียมพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ในวันที่ 11 เมษายนที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดไตรภาคีครั้งแรกของประเทศต่างๆ พวกเขาคาดว่าจะเห็นพ้องในเรื่องความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในร่างดังกล่าว ญี่ปุ่นยังเรียกร้องให้จีนยกเลิกการห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของญี่ปุ่นโดยทันที ซึ่งเริ่มใช้ภายหลังการปล่อยน้ำเสียกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่ประสบภัยพิบัติของญี่ปุ่นลงสู่ทะเลซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม
รร่างนโยบายยังเน้นย้ำว่าโตเกียว "ไม่อาจรอช้าเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว" เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีมายาวนานเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นที่เกาหลีเหนือลักพาตัวไปตั้งแต่ในอดีต ด้วยครอบครัวของเหยื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการลักพาตัวคนญี่ปุ่นโดยเกาหลีเหนือในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะพยายามช่วยเหยื่อทั้งหมดกลับประเทศโดยเร็วที่สุด


