ขสมก.เปิดประมูลเช่ารถเมล์ EV 1,520 คัน 1.53 หมื่นล้านบาท ยื่นเคาะราคา e-bidding 23 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้าเซ็นสัญญา ม.ค. 69 รับมอบรถชุดแรก 500 คันใน มี.ค. 69 เผย TOR แก้สเปกรถยาว 11 เมตร ยืนคุณสมบัติมีผลงานไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นายวิโรจน์ แหวนทองคำ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดทำ (ร่าง) ขอบเขตของงานและรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะโครงการ (TOR) สำหรับเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน และระบบอัดประจุไฟฟ้า ระยะเวลาการเช่า 7 ปี กรอบวงเงินงบประมาณ 15,355.6 ล้านบาท เปิดเผยว่า หลังจาก ขสมก.ได้นำร่าง TOR โครงการฯ ขึ้นบนเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) รวม 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 วันที่ 19 -26 ก.ย. 2568 มีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวน 44 ราย ครั้งที่ 2 วันที่ 14-17 ต.ค. 2568 มีผู้แสดงความเห็นจำนวน 24 ราย และครั้งที่ 3 วันที่ 11-14 พ.ย. 2568 ไม่มีผู้แสดงความเห็นไปแล้วนั้น เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2568 ขสมก.จึงได้ออกประกาศ ประกวดราคาเช่ารถโดยสาร EV จำนวน 1,520 คัน ด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และให้เวลาในการจัดเตรียมเอกสารข้อเสนอ โดยกำหนดให้ยื่นเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ e-bidding ในวันที่ 23 ธ.ค. 2568 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึง 16.00 น.
คาดว่าจะสรุปผลการประมูลได้ในเดือนธ.ค. 2568 (กรณีไม่มีผู้ร้องเรียน) และลงนามสัญญาเดือน ม.ค. 2569 ตามแผนงาน จะเริ่มรับมอบรถชุดแรกจำนวน 500 คันในเดือน มี.ค. 2569
สำหรับ TOR ที่ประกาศประมูลได้ ผ่านการประชาพิจารณ์รวม 3 ครั้ง ซึ่ง คณะกรรมการร่าง TOR ได้นำความคิดเห็นต่างๆ มาพิจารณาปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสม ในหลายประเด็น เช่น การกำหนดความยาวรถเป็นไม่น้อยกว่า 11 เมตร ภายในรถโดยสารมีที่นั่งผู้โดยสาร ที่นั่งสำหรับผู้พิการและที่นั่งพับเก็บได้ ไม่รวมที่นั่งคนขับ รวมกันไม่น้อยกว่า 31 ที่นั่ง ส่วนจำนวนบรรทุกผู้โดยสารรวม ไม่ได้กำหนด โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานกรมขนส่งทางบก
การปรับขนาดความยาวรถจากเดิม ไม่น้อยกว่า 10.5 เมตร เป็นไม่น้อยกว่า 11 เมตร ทำให้มีการปรับราคากลางใหม่ จาก ราคากลางอัตราเช่า 19.70 บาท/กม./วัน/คัน หรือ 15,301.380 ล้านบาท เพิ่มเป็น 15,326.737 ล้านบาท อัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 บาท-21 บาท/กม./วัน/คัน โดยกำหนดการวิ่งให้บริการขั้นต่ำ 170 กม./วัน/คัน สูงสุด 210 กม./วัน/คัน แบตเตอรี่บรรจุ 1 ครั้ง วิ่งได้ไม่น้อยกว่า 200 กม.
@หวังคุ้มทุน Ebitda เป็นศูนย์ปี 75
นอกจากนี้ ขสมก.สงวนสิทธิ์หลังครบสัญญาเช่า 7 ปี หากมีความต้องการซื้อรถ EV 1,520 คัน ให้เอกชนพิจารณาเป็นรายแรก แต่การจะซื้อหรือไม่นั้นจะต้องมีการพิจารณาสภาพรถทั้งหมด และค่าเสื่อมด้วย และจะมีการพิจารณาตัดสินใจในช่วงก่อนครบสัญญาเช่าประมาณ 3 ปี ตามหลักเกณฑ์ของสภาพัฒน์ และมีเวลาสำหรับการจัดหารถใหม่
นายวิโรจน์กล่าวว่า โครงการเช่ารถโดยสาร EV จำนวน 1,520 คัน รัฐจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าเหมาซ่อมหายไป ส่วนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงจะลดลง 60-70% และหากมีการจัดหารถโดยสาร EV มาแทนรถปรับอากาศ ขสมก.รุ่นแก่าอีกประมาณ 800 คัน คาดว่าจะทำให้ผลดำเนินงาน Ebitda เป็นศูนย์ในปี 75 แต่หากยังจัดหามาทดแทนไม่ได้จะขยับไปเป็นปี 2579
@ TOR ยืนคุณสมบัติมีผลงานไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับ TOR ได้กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ มีรายได้จากการให้เช่าหรือเช่าพร้อมซ่อมบำรุงรถยนต์หรือรถโดยสาร หรือประกอบกิจการขนส่งรถโดยสาร วงเงินไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ในปีใดปีหนึ่งภายในระยะเวลา 5 ปี ล่าสุดก่อนวันยื่นข้อเสนอโดยอ้างอิงเอกสารงบการเงินที่ได้รับการรับรองผู้ตรวจสอบบัญชีที่ยื่นกับกรมสรรพากร หรือ
เป็นผู้มีผลงานให้เช่า หรือเช่าพร้อมซ่อมบำรุงรถยนต์หรือรถโดยสาร วงเงินไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อสัญญา เป็นผลงานในสัญญาเดียวเท่านั้น เป็นต้น ซึ่งสัญญาดังกล่าวต้องเป็นสัญญาที่ผู้ยื่นข้อเสนอเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนที่ ขสมก.เชื่อถือได้
โดยกำหนดยืนราคาที่เสนอไม่น้อยกว่า 180 วัน ตั้งแต่วันเสนอราคา, กำหนดเวลาส่งมอบรถโดยสาร EV จำนวน 1,520 คัน และหัวจ่ายจำนวน 434 หัว ณ สถานที่ที่ ขสมก.กำหนด ภายในกรอบระยะเวลา 360 วัน นับถัดจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน
งวดที่ 1 ส่งมอบจำนวน 500 คัน และระบบอัดประจุไฟฟ้าจะต้องมีหัวจ่ายไม่น้อยกว่า 144 หัว ภายใน 180 วัน
งวดที่ 2 ส่งมอบจำนวน 500 คัน และระบบอัดประจุไฟฟ้าต้องมีหัวจ่ายไม่น้อยกว่า 144 หัว ภายใน 330 วัน
งวดที่ 3 ส่งมอบจำนวน 520 คัน และระบบอัดประจุไฟฟ้าจะต้องมีหัวจ่ายไม่น้อยกว่า 146 หัว ภายใน 360 วัน
กรณีไม่ส่งมอบรถตามกำหนดแต่ละงวด จะปรับตามจำนวนรถโดยสารที่ส่งไม่ครบเป็นรายวัน อัตราร้อยละ 0.20 ของราคารถที่ยังไม่ได้ส่งมอบ และผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องชดเชยความเสียหายจากการขาดรายได้ค่าโดยสารจำนวน 10,000 บาทต่อคันต่อวัน ส่วนระบบอัดประจุไฟฟ้าที่ส่งไม่ครบเป็นรายวัน ปรับในอัตราร้อยละ 0.20 ของราคาระบบอัดประจุไฟฟ้าต่อวันตามจำนวนที่ส่งไม่ครบ


