ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ชาติยุโรปว่า “กำลังเน่าเปื่อยผุผัง” ขณะที่พวกผู้นำยุโรป “อ่อนแอ” ทั้งเรื่องการจัดการผู้อพยพ และการแก้ปัญหาสงครามยูเครน นอกจากนั้น ผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวหาเซเลนสกี้ใช้สงครามเป็นข้ออ้างเพื่อเลี่ยงการเลือกตั้ง
ในการให้สัมภาษณ์กับโพลิติโค เว็บไซต์ข่าวการเมืองในอเมริกา ที่นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (9 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์ว่า ชาติยุโรป “กำลังเน่าเปื่อยผุพัง” เนื่องจากล้มเหลวในการควบคุมผู้อพยพและการดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่กลับปล่อยให้เคียฟสู้รบจนกว่าจะหมดแรงไปเอง
ทั้งนี้ พวกผู้นำยุโรปกำลังดิ้นรนหนักเพื่อให้ตนเองมีส่วนร่วมในความพยายามของอเมริกา เพื่อยุติสงครามในยูเครน ด้วยการเน้นหนักบีบคั้นเคียฟให้ยินยอมอ่อนข้อรัสเซีย โดยทางยุโรปให้เหตุผลว่าหวั่นกลัวผลประโยชน์ระยะยาวของภูมิภาคอาจถูกบ่อนทำลายเพื่อให้ได้ทางออกเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็วแบบที่วอชิงตันต้องการ
อีเวตต์ คูเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ออกมาแถลงตอบโต้คำให้สัมภาษณ์คราวนี้ของทรัมป์ โดยยืนกรานว่า ยุโรปยังคงเข้มแข็ง พร้อมกับอ้างอิงงบประมาณด้านกลาโหมและการให้การสนับสนุนยูเครน
คูเปอร์สำทับว่า ขณะที่ประธานาธิบดี 2 คนคือ ทรัมป์ กับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน พยายามผลักดันสันติภาพ ประธานาธิบดีอีกคนคือ วลาดิมีร์ ปูติน กลับพยายามโหมกระพือความขัดแย้งและโจมตียูเครนด้วยโดรนและขีปนาวุธไม่หยุดหย่อน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงกดดันเซเลนสกี้หนักขึ้น เพื่อให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพตามที่สหรัฐฯเสนอ ด้วยการเริ่มต้น “เขี่ยลูก” ยอมยกดินแดนให้มอสโก ซึ่งได้เปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือนก.พ. 2022
ขณะที่เซเลนสกี้ยืนกรานท่าทีเดิม โดยโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอังคารว่า ยูเครนและยุโรปกำลังร่วมกันดำเนินการกับองค์ประกอบทั้งหมดของขั้นตอนที่เป็นไปได้เพื่อยุติสงคราม และเชื่อว่า จะส่งร่างข้อเสนอสันติภาพที่เคียฟจัดทำร่วมกับยุโรปให้อเมริกาพิจารณาได้ภายในวันพุธ (10)
การวิจารณ์ยุโรปอย่างเปิดเผยครั้งล่าสุดของทรัมป์คราวนี้ เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากเหล่าผู้นำคนสำคัญของยุโรปพบหารือกันที่ลอนดอน เกี่ยวกับความพยายามร่วมกันในการยุติการสู้รบในยูเครน
อย่างไรก็ดี เมื่อถูกโพลิติโคถามว่า ยุโรปจะช่วยยุติสงครามได้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า ยุโรปดีแต่พูด และสงครามยังคงยืดเยื้อต่อไปไม่สิ้นสุด
ระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯพยายามใช้วิธีแยกคุยหารือกับพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและพวกเจ้าหน้าที่รัสเซีย ในความพยายามเป็นตัวกลางหาทางยุติสงคราม ทว่าจวบจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ
ขณะเดียวกัน เซเลนสกี้ก็พยายามกดดันให้ผู้นำยุโรปและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ช่วยขัดขวางอเมริกาไม่ให้สนับสนุนข้อตกลงที่อาจทำให้ยูเครนเสี่ยงถูกรัสเซียโจมตีอีกในอนาคต
เมื่อวันอาทิตย์ (7 ) ทรัมป์กล่าวหาโดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ ว่า เซเลนสกี้คืออุปสรรคสำคัญขัดขวางสันติภาพในยูเครน เขาบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า รัสเซีย “รู้สึกดี” กับแผนสันติภาพของสหรัฐฯที่เสนอให้ทั้งมอสโกและเคียฟรับทราบแล้ว ขณะที่พวกคณะผู้เจรจาของยูเครนก็ “ชื่นชอบ” ข้อเสนอนี้เช่นกัน พร้อมกันนั้นเขาก็กล่าวหาว่ามีเพียงเซเลนสกี้ที่ยังไม่ยอมอ่านข้อเสนอเหล่านี้ด้วยซ้ำ
ในการให้สัมภาษณ์กับโพลิติโค ทรัมป์กล่าวย้ำข้อเรียกร้องให้ยูเครนเลิกเอาสงครามมาอ้างและจัดการเลือกตั้งใหม่เสียที “คุณรู้ไหม พวกเขาเอาแต่พูดถึงประชาธิปไตย แต่มันมาถึงจุดที่ว่ามันไม่มีประชาธิปไตยอะไรอีกต่อไปแล้ว”
วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีของเซเลนสกี้สิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว แต่เขาอ้างว่าเนื่องจากมีการประกาศกฎอัยการศึกหลังถูกรัสเซียรุกราน จึงไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เซเลนสกี้ให้สัมภาษณ์ในวันอังคารว่า ตนพร้อมแล้วและจะจัดการเลือกตั้งภายใน 60-90 วัน หลังจากได้รับการรับประกันความปลอดภัยจากอเมริกาและพันธมิตรอื่นๆ
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์ว่า ความแตกต่างด้านอุดมคติกำลังคุกคามการเป็นพันธมิตรระหว่างอเมริกากับยุโรป
ในการให้สัมภาษณ์โพลิติโค ทรัมป์ยังระบุว่าความแตกต่างกันในทางความคิดอุดมการณ์เวลานี้กำลังคุกคามที่จะสร้างความแตกแยกให้แก่ความเป็นพันธมิตรกันระหว่างวอชิงตันกับยุโรป
เมื่อถูกถามว่าพวกผู้นำยุโรปซึ่งเขามองว่าอ่อนแอนั้น ยังคงสามารถเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯได้หรือไม่ ทรัมป์ก็ตอบว่า “มันขึ้นอยู่กับว่า” และกล่าวต่อไปว่า “พวกผมคิดว่าพวกเขาอ่อนแอ แต่ผมก็คิดด้วยว่าพวกเขายังต้องการที่จะทำตัวเป็นพวกยึดมั่นกับหลักการความถูกต้องในทางการเมืองอีกด้วย ผมคิดว่าพวกเขาไม่รู้หรอกว่าจะทำได้ยังไง” ทั้งนี้ทรัมป์มักจะใช้วลีที่ว่าเป็นพวกยึดมั่นกับความหลักการความถูกต้องในทางการเมือง มาโจมตีพวกที่เขามองว่าอ้างหลักการแบบเสรีนิยมหัวรุนแรง
(ที่มา: บีบีซีนิวส์/เอเอฟพี)


