เพจกองทัพเรือ โพสต์ระบุว่า กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 บูรณาการร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ดำเนินการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทยที่กระทำผิดกฎหมายทางทะเล โดยไม่แสดงชื่อเรือและเลขทะเบียน ไม่ชักธงแสดงสัญชาติ และไม่เปิดใช้งานระบบแสดงตนเองอัตโนมัติ (AIS) อันเป็นพฤติการณ์เข้าข่ายหลบเลี่ยงกฎหมายและเป็นภัยต่อความมั่นคงทางทะเลของประเทศ
การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งยุทธการ “จักรพงศ์ภูวนารถ” ในการป้องกันและรักษาอธิปไตยทางทะเลของไทย มิให้เรือต่างชาติรุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำไทย และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึงการตรวจสอบยับยั้งเรือไทยที่มีพฤติการณ์ลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา โดยที่ผ่านมา ทัพเรือภาคที่ 1 ได้จัดกำลังเรือและอากาศยานออกตรวจการณ์ในอ่าวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 พลเรือโท เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ ศรชล.ภาค 1 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ แถลงข่าวผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันกระทำผิดกฎหมาย จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 ขณะ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในอ่าวไทย ตรวจพบเรือบรรทุกน้ำมันมีพฤติการณ์ต้องสงสัย จอดทอดสมอบริเวณห่างจากเกาะเสม็ดไปทางทิศใต้ประมาณ 50 ไมล์ทะเล (ราว 90 กิโลเมตร) โดยไม่แสดงชื่อเรือ เลขทะเบียน ไม่ชักธงแสดงสัญชาติ และไม่เปิดระบบ AIS จึงควบคุมมาที่ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบสวนดำเนินการสอบสวน
ผลการสอบสวนมีความผิดตาม พรบ.เดินเรือในน่านน้ำไทย และ พรก.การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว มีแรงงานต่างด้าวทำงานในเรือผิดกฏหมาย 5 นาย เป็นชาวเมียนม่า และกัมพูชา สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถึงที่สุด ทั้งนี้ ทัพเรือภาคที่ 1 ขอแจ้งเตือนไปยังขบวนการลักลอบขนส่งน้ำมันผิดกฎหมายหรือหลบเลี่ยงภาษีว่า ทัพเรือภาคที่ 1 และหน่วยงานภายใต้การบูรณาการของ ศรชล. ได้แก่ กรมสรรพสามิต กรมเจ้าท่า และสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ติดตาม และปราบปรามอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติ และนำรายได้ภาษีเข้าประเทศ
กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ ศรชล.ภาค 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันความมุ่งมั่นในการปราบปรามการค้าน้ำมันหลบเลี่ยงภาษี และยับยั้งเรือที่มีพฤติการณ์ขนส่งน้ำมันและยุทธปัจจัยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคมีความอ่อนไหว พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพเรือได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ภายใต้อำนาจหน้าที่และกรอบกฎหมาย เพื่อพิทักษ์อธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างสูงสุด


