นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยข่าวดีจากการสำรวจสัตว์ป่าว่า นายฉลอง ทองสงฆ์ หัวหน้าเขตบริหารจัดการที่ 5 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้รายงานการพบเสือดาว (เสือดำ) ในพื้นที่น้ำตกป่าละอู ซึ่งถือเป็นการพบที่มีภาพถ่ายยืนยันครั้งแรกในพื้นที่แห่งนี้
จากการที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยาน กจ. 3 (ป่าเลา) ได้ติดตั้งกล้องถ่ายภาพสัตว์ป่าเพื่อสำรวจประชากรสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าละอู-ห้วยชลนาถ พบว่ามีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพบเสือดำ จำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่
นอกจากเสือดำแล้ว ยังพบสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ได้แก่ หมาใน เลียงผา กวางป่า และสัตว์ป่าอีกหลายชนิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของห่วงโซ่อาหารและความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่
การค้นพบครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อการอนุรักษ์ในหลายมิติ โดยเฉพาะการยืนยันสถานะของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในฐานะมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก ซึการพบเสือดำยืนยันว่าพื้นที่แห่งนี้สมควรได้รับการคุ้มครองในระดับสูงสุด นอกจากนี้ การมีผู้ล่าชั้นสูงสุดอาศัยอยู่ได้ยังแสดงว่าระบบนิเวศมีความสมดุล ตั้งแต่พืช สัตว์กินพืช ไปจนถึงสัตว์กินเนื้อทุกระดับ และเนื่องจากแก่งกระจานเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับผืนป่าในประเทศเมียนมา ทำให้สัตว์ป่าสามารถเคลื่อนย้ายและแลกเปลี่ยนพันธุกรรมได้ ป้องกันปัญหาการผสมพันธุ์ใกล้ชิด ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยพฤติกรรมสัตว์ป่า การจัดการอนุรักษ์ และการวางแผนพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย
แม้จะมีข่าวดี แต่การอนุรักษ์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่า การลักลอบล่าสัตว์ป่า และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจึงมีแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการลาดตระเวนด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัย การขยายพื้นที่การสำรวจเพื่อติดตามการกระจายตัวและจำนวนประชากรสัตว์ป่า การสร้างความร่วมมือกับชุมชนเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ยั่งยืนและไม่ก่อผลกระทบต่อสัตว์ป่า รวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลสัตว์ป่าเพื่อการวิจัยและจัดการที่มีประสิทธิภาพ
นายมงคล กล่าวว่า "การพบเสือดำครั้งนี้เป็นของขวัญที่ล้ำค่าจากธรรมชาติในวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ และเป็นผลงานจากการทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่คอยปกป้องผืนป่านี้ แต่การอนุรักษ์ไม่ใช่งานของเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว เราต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรต่างๆ เพื่อร่วมกันรักษามรดกทางธรรมชาติอันล้ำค่านี้ไว้ให้ลูกหลานของเราได้เห็นและภาคภูมิใจในอนาคต"


