นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ทำไมภูมิใจไทยมีแคนดิเดตเพียง 2 คน
ถ้าใครติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ในกรณีการประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรก ที่มีการประกาศว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีครบ 3 คน จากเมื่อก่อนมีเพียง 1 คน คือหัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ต่อมานายอนุทินบอกว่า พรรคโตขึ้นมีสมาชิกมากขึ้น อยากจะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ครบ 3 คน โดยประกาศชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส และนางศุภจี สุธรรมพันธ์
หลังจากนั้นนักข่าวก็สอบถามเรื่องนี้กับนายเอกนิติ ซึ่งนายเอกนิติก็มีท่าทีบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม และไม่ยืนยันว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามการทาบทามหรือการประกาศของนายอนุทินหรือไม่ รวมไปถึงนางศุภจี สุธรรมพันธ์ ซึ่งตอนนั้นกำลังอยู่ในการไปราชการที่ต่างประเทศ เมื่อกลับมานางศุภจีก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และบอกว่าไม่รู้เรื่อง เพิ่งรู้เรื่องพร้อมกับนักข่าวเช่นเดียวกัน ทำให้ทุกฝ่ายรอว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเป็นใครกันแน่
จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2568 พรรคภูมิใจไทย นัดเปิดตัวทีมงานและนโยบายของพรรค ทุกคนก็รอคอยว่า จะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ 3 คนหรือไม่ และยังเป็นรายชื่อเดิมคือ นายอนุทิน นายเอกนิติ และนางศุภจีหรือไม่ แต่ภาพที่ปรากฏบนเวที คือเป็นการประกาศทีมบริหารรองนายกรัฐมนตรี 3 คน ที่มาจากบุคคลภายนอก คือนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงาน การเงินการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานกระทรวงพาณิชย์ งานด้านการค้า และอุตสาหกรรม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานต่างประเทศและความมั่นคง ไม่มีการประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ในโอกาสถัดมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกพรรค ได้ออกมาให้ข่าวว่า จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคภูมิใจไทยเพียงคนเดียว คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ล่าสุดเช้าวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ได้มีแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จำนวน 2 คน คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการการทาบทามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเป็นไปด้วยความขลุกขลักไม่ราบรื่น
การที่นายอนุทินต้องการที่จะโชว์ภาพเทคโนแครต หรือบุคคลภายนอกมืออาชีพ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อดึงคะแนนเสียงของชนชั้นกลางและคนกรุงเทพนั้น ไม่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการต้องการให้มีตัวช่วยในการดีเบตบนเวทีประชันวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆ แต่เมื่อบุคคลที่ต้องและทาบทามไว้ไม่พร้อม ในนาทีสุดท้ายจึงเห็นการไปตื๊อ ไปทาบทาม คะยั้นคะยอให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง เพื่อสามารถช่วยในเวทีดีเบต เพราะลำพังนายอนุทิน ความเชี่ยวชาญความถนัดบนเวทีดีเบต ถือว่าเสียเปรียบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองอื่นๆหลายพรรค
ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากนายอนุทินต้องการได้ภาพความเป็นทีมของพรรคภูมิใจไทยครบทั้ง 3 คน ควรจะเสนอ 1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 2.นายวราวุฒิ ศิลปอาชา 3.นายไชยชนก ชิดชอบ ถ้าหากเป็น 3 คนนี้ ก็ถือว่าครบเครื่อง เพราะนายอนุทิน สามารถดีเบตในเรื่องการเมืองได้ นายวราวุฒิ สามารถดีเบตในเรื่องการเมือง เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการต่างประเทศได้ และนายไชยชนก สามารถดีเบตเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ได้
แต่ภาพที่ปรากฏคือ ได้มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียง 2 คน จึงทำให้เห็นว่าความพร้อมในการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีความพร้อมตามที่หลายคนคาดหวังไว้


