xs
xsm
sm
md
lg

กรมชลฯ เร่งระบายน้ำลดผลกระทบภาคกลางต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าส่งน้ำฤดูแล้งให้เกษตรกร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน อัปเดตสถานการณ์ว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 68,584 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 90% ของความจุอ่างฯ รวม เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวม 24,036 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 97% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ขณะนี้ทั้งประเทศมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 7,255 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 25% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาจัดสรรน้ำไปแล้ว 2,674 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 29% ของแผนฯ

ทางด้านสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา เมื่อเวลา 06.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณไหลผ่านอัตรา 1,145 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำทรงตัว เนื่องจากปริมาณน้ำที่ค้างในทุ่งลุ่มต่ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มทยอยไหลลงสู่ลำน้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนยกตัวสูงขึ้น ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยายังคงการระบายน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 770 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 18 – 28 ธ.ค.68 น้ำทะเลจะหนุนสูงอีกรอบ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น อาจเกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมไปถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม

ในส่วนของปริมาณน้ำที่ยังค้างอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำต่างๆ กรมชลประทาน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากทุ่งภาคกลางอย่างต่อเนื่อง โดยจะคงเหลือน้ำส่วนหนึ่งไว้ในทุ่งให้เกษตรกรได้เตรียมเพาะปลูกข้าวนาปรังหรือพืชฤดูแล้งอื่นๆ รวมทั้ง เร่งกำจัดวัชพืชและผักตบชวาที่กีดขวางทางน้ำในลำคลองและแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำในช่วงฤดูแล้ง พร้อมยืนยันว่า น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคมีเพียงพอ ไม่ขาดแคลน และได้เตรียมแผนจัดสรรน้ำรองรับสถานการณ์ไว้อย่างเป็นระบบ