xs
xsm
sm
md
lg

ทภ.2 สรุปแนวรบชายแดน ปะทะหนักตาควาย-ช่องอานม้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันที่ 16 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์แนวรบชายแดนไทย – กัมพูชาท วันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา โดยกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามายังฝ่ายไทย ตั้งแต่เวลา 02.13 น.- 22.00 น.

ชายแดนด้านจังหวัดอุบลราชธานี แนวรบช่องบก สถานการณ์ส่วนใหญ่ปกติ ตลอดทั้งวัน มีเพียงการตรวจพบโดรนของฝ่ายตรงข้ามเป็นระยะในช่วงเย็นและค่ำ ซึ่งฝ่ายเราใช้การลาดตระเวนทางอากาศและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ไม่พบการปะทะขนาดใหญ่

แนวรบช่องอานม้า เป็นพื้นที่การรบเข้มข้นอีกจุดหนึ่ง ฝ่ายเราเปิดปฏิบัติการเชิงรุกต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การเข้าตีและเคลียร์ที่หมาย ทั้งสองฝ่ายมีการปะทะด้วยปืนเล็กยาว /ปืนใหญ่ /ปืน ทค. อย่างต่อเนื่อง ฝ่ายเราสามารถเข้าควบคุมที่หมายได้ตามแผน และวางกำลังเสริมความมั่นคง

ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ แนวรบพื้นที่ซำแต – โดนตรวล-ภูผี-สัตตะโสม - พนมประสิทธิโส-ช่องตาเฒ่า

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาอนุมัติให้ยิง RM-70 โดยเป้าหมาย คือ ผามออีแดง สระตราว ตามาเรีย ภูมะเขือ

ฝ่ายไทยได้ทำลายโรงจอดรถ 12 คัน ของกัมพูชา บริเวณแยกสวายจรุม ทำให้ไฟลุกไหม้และมีเสียงระเบิดดังหลายครั้ง นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้ใช้ F-16 ทิ้งระเบิด ที่ทำหารกองพันสนันสนุน371 (พัน.สสน.371) และยิงทำลายที่ทำการตำรวจตระเวนชายแดน 795 ของฝ่ายกัมพูชา (ทก.พัน.ตชด.795) ได้รับความเสียหาย 80%

แนวรบพื้นที่ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย ทั้งสองฝ่ายมีการปะทะเป็นระยะๆ ด้วยปืนเล็กยางประปราย

แนวรบ ภูมะเขือ - โดนเอาว์ ไทยสามารถทำลายเสาสัญญาณของฝ่ายทหารกัมพูชา บริเวณช่องโดนเอาว์ และยังคงมีการปะทะด้วย ปืนเล็กยาว ประปราย ฝ่ายไทยใช้ปืนใหญ่ยิงต่อต้าน ปืนใหญ่กัมพูชา เป็นห้วงๆ

โดยช่วงเย็นไทยได้ตรวจพบโดรนจำนวนมากบินหลายพื้นที่ สะท้อนถึงความพยายามของ กัมพูชาในการลาดตระเวนและกดดันทางอากาศ

แนวรบช่องสะงำ ไม่มีการสู้รบ สถานการณ์เฝ้าระวัง

ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ แนวรบ ช่องจอม - ช่องเปรอ - ช่องระยะฝ่ายไทยดำเนินกลยุทธ์เชิงรุก ใช้การยิงข่มและการยิงทำลายเป้าหมายสำคัญของ กพช.อย่างต่อเนื่อง เข้าควบคุมที่หมายในพื้นที่ช่องระยีได้สมบูรณ์ พร้อมเสริมความมั่นคงที่ตั้ง

ไทยมีการใช้โดรนทิ้งระเบิด และยิงปืนใหญ่ทำลายที่ตั้งทหารกัมพูชาและจุดต้องสงสัยหลายแห่ง โดยประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายสูง

แนวรบพื้นที่คนา ฝ่ายไทยสามารถทำการยึดที่หมาย และควบคุมพื้นที่ พร้อมทั้งทำการเสริมความมั่นคง ได้แล้ว

แนวรบพื้นที่ตาควาย ทหารกัมูชามีการยิงปืนกล และ BM-21 อย่างต่อเนื่องและหนาแน่น

นอกจากนี้ ทหารกัมพูชายังได้ยิง BM-21 โจมตีพื้นที่ปราสาทตาควาย และเนิน 350 และยิง BM-21 ใส่ฐานทหาร และทหารกัมพูชายังคงใช้ โดรน FPV บินโจมตี ฐานทหารและบริเวณปราสาทตาควายหลายครั้ง ซึ่งฝ่ายไทยสามารถยึดที่หมายสำคัญ และควบคุมพื้นที่ได้ พร้อมทำการเสริมความมั่นคงอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้มีข้อสังเกตสำคัญ คือ ทุกครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามยิง BM-21 จะมีโดรน FPV บินติดตามเข้ามาหลายลำ แสดงถึงการประสานการยิงกับอากาศยานไร้คนขับอย่างเป็นระบบ

แนวรบช่องกร่าง ทั้งสองฝ่ายมีการยิงปืนใหญ่เป็นห้วงๆ มีกระสุน BM-21 ตกในพื้นที่ช่องกร่าง และพื้นที่ 255 นอกจากนี้ ทหารกัมพูชาได้ยิง BM-21 ขึ้นมาจากด้านทิศใต้ช่องกร่าง ลงพื้นที่ช่องเสม็ดและปราสาทตาเมือน ซึ่งฝ่ายไทยได้เข้ารุกยึดครองปราสาทตาควาย และสถาปนาความมั่นคง (แม้จะมีการยึดครอง แต่ปราสาทตาควาย ยังคงมีการสู้รบและถูกโจมตีอย่างหนักจากกัมพูชาด้วยอาวุธหนัก BM-21 อย่างต่อเนื่องและหนาแน่น

แนวรบพื้นที่ตาเมือนธม ช่วงเช้ามืดตรวจพบความเคลื่อนไหวของรถยนต์ฝ่ายตรงข้ามและมีการใช้อาวุธวิถีโค้งยิงใส่ฝ่ายเรา ฝ่ายเราทำการยิงโต้ตอบจน กพช. หยุดยิง

ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ แนวรบช่องสายตะกู ปรากฏมีการยิงตอบโต้กันด้วยปืน ค. และปืนเล็กยาว ประปราย มีการยิงตอบโต้ด้วย ปืน ค. และ ปืนใหญ่ อย่างหนาแน่นเวลา

โดยสรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนมีลักษณะการปะทะเป็นช่วงๆ ในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ตาควายและช่องอานม้า ฝ่ายตรงข้ามพึ่งพา จลก. BM-21 ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และโดรน FPV อย่างชัดเจน

ขณะที่ฝ่ายไทยเน้นการรุกเชิงระบบ ใช้ปืนใหญ่ และการเข้าตีภาคพื้น ใช้โดรนทิ้งระเบิด เพื่อทำลายที่ตั้งและโครงสร้างการสื่อสารของฝ่ายตรงข้าม

ผลการปฏิบัติภาพรวมถือว่า ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่เป้าหมายสำคัญได้หลายจุด ลดขีดความสามารถในการสั่งการและการยิงของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีนัยสำคัญ ขวัญกำลังพลโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี สถานการณ์ช่วงค่ำหลายพื้นที่กลับสู่ภาวะปกติ แต่ยังต้องเฝ้าระวังภัยจากโดรนและการยิงระยะไกลอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป