วันนี้ (13 ธ.ค.) พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เดชระพี คงดี ผบก.ภ.จว.นนทบุรี แถลงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตปริศนาของ นายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือ นัทปง ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้านพักย่านบางกรวย
การแถลงข่าวครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยมีการเชิญพยานบุคคลสำคัญ ได้แก่ นายต้น นายกิตติ ไอซ์สารวัตร รวมถึงญาติของผู้ตาย เข้าร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ทางเคมีโดยกองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันชัดเจนว่า สารที่ตรวจพบคือ โพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่พยานซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดผู้ตายเคยให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งพบว่าหลักฐานทั้งหมดสอดคล้องกัน ทั้งตำแหน่งซองสาร กล้องวงจรปิด และคำให้การพยาน จึงสรุปได้ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ดื่มสารไซยาไนด์เพื่อยุติชีวิตตนเอง
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายกิตติเพียงรายเดียว ในความผิดฐานมีวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกรณีของ ไอซ์สารวัตร ที่มีการนำสารไซยาไนด์ออกจากที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์เป็นรายกรณี แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับพยาน หรือบุคคลอื่นเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่าคดีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เป็นกรณีตัวอย่างในการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน เพื่อให้การตรวจสถานที่เกิดเหตุในอนาคตมีความรัดกุม รอบคอบ และเป็นไปตามขั้นตอนมากยิ่งขึ้น
การแถลงข่าวครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยมีการเชิญพยานบุคคลสำคัญ ได้แก่ นายต้น นายกิตติ ไอซ์สารวัตร รวมถึงญาติของผู้ตาย เข้าร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ทางเคมีโดยกองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันชัดเจนว่า สารที่ตรวจพบคือ โพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่พยานซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดผู้ตายเคยให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งพบว่าหลักฐานทั้งหมดสอดคล้องกัน ทั้งตำแหน่งซองสาร กล้องวงจรปิด และคำให้การพยาน จึงสรุปได้ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ดื่มสารไซยาไนด์เพื่อยุติชีวิตตนเอง
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายกิตติเพียงรายเดียว ในความผิดฐานมีวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกรณีของ ไอซ์สารวัตร ที่มีการนำสารไซยาไนด์ออกจากที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์เป็นรายกรณี แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับพยาน หรือบุคคลอื่นเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่าคดีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เป็นกรณีตัวอย่างในการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน เพื่อให้การตรวจสถานที่เกิดเหตุในอนาคตมีความรัดกุม รอบคอบ และเป็นไปตามขั้นตอนมากยิ่งขึ้น


