นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีไม่เกินความคาดหมายหรือไม่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่ถึงวาระ 3 ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะตั้งแต่ต้น MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน คือ ดีลการเมืองที่พังพินาศที่สุด และขัดหลักประชาธิปไตย พร้อมชี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่จริงใจของรัฐบาลในการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทั้งนี้ การที่พรรคภูมิใจไทยลงมติเข้าข้าง สว. โดยอ้างว่าคุยหรือควบคุมไม่ได้ เป็นข้ออ้างที่มีเพียงพรรคประชาชนเท่านั้นที่เชื่อได้ พร้อมทวงถามว่า พรรคประชาชนเพิ่งเห็นหรือไม่ว่ามีกระบวนการ ฮั้ว สว. มาตั้งแต่แรก ทั้งที่เพื่อไทยเคยเตือนแล้วแต่ไม่มีใครฟัง ก่อนที่สุดท้ายเสียงในสภาปรากฏชัดเจน
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงความผิดหวังต่อรัฐบาล ที่เลือกยุบสภาหนีการตรวจสอบ ท่ามกลางปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา และน้ำท่วมหลายพื้นที่ โดยมองว่าเป็นการทอดทิ้งประชาชน พร้อมผิดหวังพรรคประชาชนที่เคยรับปากว่า จะร่วมตรวจสอบรัฐบาลหากการแก้ รธน. วาระ 2 ไม่ผ่าน แต่กลับออกมาส่งสัญญาณให้ยุบสภาแทนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายจุลพันธ์ เปรียบเทียบว่าเป็นการปล่อยหนูเข้าป่า เปิดทางให้รัฐบาลหนีความรับผิดชอบได้ทันเวลา
นายจุลพันธ์ ย้ำว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยและประชาชนไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากดีลนี้ แต่ผู้ที่ได้เต็ม ๆ คือ พรรคภูมิใจไทย ที่ใช้เวลาสะสมอำนาจและโยกย้ายข้าราชการเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ขณะที่รัฐบาลบริหารผิดพลาดทั้งเรื่องชายแดนและน้ำท่วมจนเกิดความเสียหายต่อเนื่อง
ส่วนประเด็นการเลือกตั้งท่ามกลางปัญหาชายแดน นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ตามรัฐธรรมนูญสามารถเลื่อนเฉพาะบางหน่วยได้ ไม่กระทบภาพรวม พร้อมคาดว่ากรอบวันเลือกตั้งอาจเป็น 1 ก.พ. หรือ 8 ก.พ. 2569 โดยวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะสอดคล้องกับไทม์ไลน์การทำประชามติคำถามที่ 1 พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาถามหาความจริงใจของรัฐบาล เพราะความจริงใจหมดไปตั้งแต่เข้าดีล MOA แล้ว สิ่งเดียวที่รัฐบาลต้องทำ คือ ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่งคำถามประชามติที่รัฐสภามอบหมายให้ กกต. ดำเนินการเท่านั้น
นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสู้การเลือกตั้ง และขอให้ประชาชนอย่าสิ้นหวัง พร้อมร่วมกันนำประเทศกลับสู่ความถูกต้อง


