นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความเป็นห่วงต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่โต 3% โดยมองว่าสาเหตุหลักมาจากความผันผวนทางการเมืองที่กระทบความเชื่อมั่น และคาดว่าไตรมาส 4 อาจยังไม่ดีขึ้น แต่ทั้งปี 2568 น่าจะยังโตได้เกิน 2% ตามที่เคยประเมินไว้
ประเด็นสำคัญที่นายพิชัย กังวลคือความไม่ชัดเจน กรณีสหรัฐหยุดเจรจาการค้ากับไทย ซึ่งสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการภาษี (Tariff) กดดันจากปัญหาความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา หากสหรัฐตัดสินใจขึ้นภาษีกับไทย จะกระทบหนักทันทีเพราะไทยส่งออกไปสหรัฐสูงถึง 1.92 ล้านล้านบาทในปี 67 คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมด และไทยได้ดุลการค้าจากสหรัฐมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศ หากถูกเก็บภาษีกลับไปเป็น 36% จะทำให้การส่งออกและการลงทุนหดตัว เศรษฐกิจซบหนักกว่าเดิม และหาตลาดใหม่ทดแทนสหรัฐแทบเป็นไปไม่ได้
นายพิชัย กล่าวย้ำว่า การเจรจาภาษีจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมาได้ร่วมเดินทางไปพบ USTR สองครั้ง จนนำไปสู่การเจรจาลดภาษีทรัมป์เหลือ 19% ทำให้การส่งออกไทยเดือนกันยายน 68 ยังเติบโตถึง 19% ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 68 การส่งออกโต 13.9% ซึ่งยังเป็น “พระเอกของเศรษฐกิจไทย” ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีพาณิชย์คนปัจจุบันยังไม่สามารถเร่งผลักดัน “4 งานสำคัญ” ที่ตั้งไว้เป็น KPI ได้ตามความคาดหวัง ได้แก่
1) การดูแลราคาสินค้าเกษตร
ราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี เหลือเพียงกก.ละ 5.40 บาท ขณะที่สินค้าสำคัญอื่น เช่น มะพร้าว มันสำปะหลัง และไข่ไก่ ก็ราคาตกต่ำต่อเนื่อง กระทบชาวนาอย่างรุนแรง ประกอบกับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ยิ่งซ้ำเติมเกษตรกร
2) การรักษาระดับการส่งออก
ต้องติดตามว่าหลังจากนี้ตัวเลขจะยังแข็งแรงเหมือนช่วงก่อนเปลี่ยน รมว. พาณิชย์หรือไม่ โดยทั้งปี 68 คาดว่าการส่งออกน่าจะโตเกิน 10% ตามที่ประเมินไว้ตั้งแต่กลางปี
3) การเร่งเจรจา FTA สำคัญ
โดยเฉพาะ FTA กับ EU ที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทย และควรปิดดีลได้ภายในสิ้นปี รวมถึง FTA กับเกาหลีใต้ แคนาดา และยูเออี ที่ค้างอยู่ และต้องระวังการปรับแก้ FTA กับอินเดีย ซึ่งอาจลดรายการสินค้านำเข้าเพราะไทยได้ดุลการค้าจากอินเดียอยู่แล้ว
4) การแก้ปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพและนอมินี
นายพิชัยระบุว่ายังไม่เห็นความคืบหน้าเพิ่มเติม ทั้งที่สินค้าคุณภาพต่ำยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหานอมินีที่เกี่ยวข้องกับทุนเทาและระบบฟอกเงิน ซึ่งหลายประเทศยึดเงินได้จำนวนมหาศาล แต่ไทยยังดำเนินการล่าช้า
“เหลือเวลาอีกไม่นานก่อนการยุบสภา จึงอยากให้ รมว. พาณิชย์เร่งทำ 4 เรื่องสำคัญนี้ โดยเฉพาะการแก้ราคาข้าวที่กำลังสร้างความเดือดร้อนรุนแรง พร้อมส่งกำลังใจและย้ำว่า งานกระทรวงพาณิชย์ยากกว่าที่คิดมาก ตามที่เคยเตือนไว้แล้ว” อดีต รมต.พาณิชย์ กล่าว


