สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานสถานการณ์โลจิสติกส์การค้าของไทยประจำเดือนกันยายน 2568 พบว่า ภาพรวมมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยมีมูลค่ารวม 1,972,664.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยปัจจุบัน ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยมีจำนวนนิติบุคคลสะสมรวม 47,075 ราย ในเดือนกันยายน 2568 พบว่า มีการเปิดกิจการใหม่จำนวน 338 ราย เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่ม 6.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
สำหรับธุรกิจที่มีการเปิดกิจการในเดือนกันยายน 2568 มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) การขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร เปิดกิจการ 208 ราย เพิ่มขึ้น 45.5% (2) การขนส่งสินค้าอื่นๆ ทางถนน เปิดกิจการ 40 ราย ลดลง 25.9% (3) ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร เปิดกิจการ 32 ราย ลดลง 8.6%
ขณะที่การปิดกิจการมีจำนวน 79 ราย ลดลง 19.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 8.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมีธุรกิจที่ปิดกิจการในเดือนกันยายน 2568 มากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ (1) การขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร ปิดกิจการ 41 ราย ลดลง 8.9% (2) การขนส่งสินค้าอื่นๆ ทางถนน ปิดกิจการ 12 ราย ลดลง 7.7% (3) กิจกรรมไปรษณียแ์ ละการรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่มิใช่ของรัฐ ปิดกิจการ 5 ราย เพิ่มขึ้น 25.0%
ทั้งนี้ การเข้ามาลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งไทยและต่างชาติแบ่งออกเป็น ไทยมีการลงทุนทั้งหมด 17,556 ล้านบาท สัดส่วน 79.5% ด้านต่างชาติ ลงทุน 4,536 ล้านบาท สัดส่วน 20.5%
นอกจากนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่ กิจกรรมการดำเนินงานเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ (ยกเว้นการขนถ่ายสินค้า) มูลค่า 1,876 ล้านบาท สัดส่วน 85% ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร มูลค่า 678 ล้านบาท สัดส่วน 3.07% และการขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร มูลค่า 469 ล้านบาท สัดส่วน 12.3%
ขณะที่สัญชาติที่เข้ามาลงทุนในธรุกิจโลจิสติกส์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ฮ่องกง มูลค่า 1,665 ล้านบาท (2) จีน มูลค่า 531.7 ล้านบาท (3) เนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส มูลค่า 442.9 ล้านบาท (4) สิงคโปร์ มูลค่า 253.0 ล้านบาท และ (5) เนเธอร์แลนด์ มูลค่า 184.1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังในการปิดกิจการธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยในจังหวัดชายแดนไทย ที่เชื่อมกับกัมพูชา (ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2568 โดยปิดกิจการเพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยกลุ่มธุรกิจที่ควรเฝ้าระวังในจังหวัดชายแดนคือกิจกรรมไปรษณีย์และการรับส่ง พัสดุภัณฑ์ที่ไม่ใช่ของรัฐ
สำหรับข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการโลจิสติกส์กิจกรรมไปรษณีย์และการรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ไม่ใช่ของรัฐ ในบริเวณจังหวัดชายแดนที่เชื่อมกับกัมพูชา อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบกำรให้บริการโลจิสติกส์ที่สอดคล้องกับพื้นที่ตัวเมือง และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อลดผลกระทบจากธุรกิจที่มีแนวโน้มปิดกิจการมากขึ้นในช่วงนี้ โดยควรพิจารณาขยายบริการสำหรับการขนส่งสินค้าในจังหวัดอื่นๆ หรือการขนส่งเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดใกล้เคียงโอกาสในการขยายการให้บริการรองรับ ภาคการท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยว และเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึง อาทิ การจัดบริการรับ–ส่งนักท่องเที่ยวระหว่างสนามบิน โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยว หรือการพัฒนาแพ็กเกจขนส่งร่วมกับโรงแรม บริษัททัวร์และเอเจนซี่ท่องเที่ยว


