xs
xsm
sm
md
lg

สทนช.ปรับแผนบริหารจัดการน้ำ เร่งระบายมวลน้ำชุดสุดท้ายของปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยผลการประชุมปรึกษาหารือการติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ เพื่อปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ว่า ในปีนี้มีฝนตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยามากเป็นอันดับ 2 รองจากปี 2565 โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่มีฝนตกหนักจากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ "คัลแมกี" แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ส่งผลให้มีมวลน้ำระลอกใหม่ไหลเข้าเขื่อนภูมิพลเพิ่มเติม ปัจจุบันเหลือช่องว่างรองรับน้ำอยู่อีกเพียงประมาณ 127 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ที่ประชุมจึงได้หารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำโดยไม่ต้องเปิดทางระบายน้ำล้นฉุกเฉินของเขื่อน (Spillway) โดยมีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนภูมิพล ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 จะปรับเพิ่มเป็น 53 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 จะปรับเพิ่มเป็น 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน หากจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มเติมจะไม่เกิน 60 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน

ทั้งนี้ มวลน้ำดังกล่าวจะไหลต่อเนื่องลงสู่พื้นที่ตอนล่าง คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์สูงสุดประมาณ 3,100 ลบ.ม. ต่อวินาที และมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน +17.77 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เป็นประมาณ +18.00 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจังหวัดอุทัยธานีและชัยนาท ในส่วนของท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะเริ่มเพิ่มการระบายน้ำตั้งแต่วันนี้ จากอัตรา 2,800 ลบ.ม. ต่อวินาที เป็น 2,900 ลบ.ม. ต่อวินาที และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง ซึ่งยังต่ำกว่าปี 2554 ที่มีการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงสุด 3,700 ลบ.ม. ต่อวินาที

ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ปริมาณน้ำไหลเข้าวันนี้และพรุ่งนี้ (11 พฤศจิกายน) คาดว่าจะลดลงเป็นลำดับ ทำให้สามารถลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์จากวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือ 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะทำให้น้ำที่จะไปเติมที่จังหวัดนครสวรรค์และเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก จึงต้องประเมินสถานการณ์ช่วง 2-3 วันนี้อย่างใกล้ชิด

สำหรับปัจจัยน้ำทะเลหนุน กรมอุทกศาสตร์แจ้งว่า หลังจากนี้ปริมาณน้ำทะเลหนุนจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยให้การระบายน้ำคล่องตัวมากขึ้น ส่วนโอกาสที่จะต้องระบายน้ำถึง 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีหรือไม่ ยังต้องรอประเมินตามปริมาณน้ำเหนือเขื่อนภูมิพลในช่วง 2-3 วันนี้

ทั้งนี้ คาดว่าการระบายมวลน้ำชุดนี้จะเป็นชุดสุดท้ายของฤดูฝนปี 2568 เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ประเมินว่า ฝนในพื้นที่ตอนบนจะลดลงตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ และไม่มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากพายุเพิ่มเติม เนื่องจากมวลความกดอากาศสูงได้แผ่เข้าปกคลุมพื้นที่ โดยฝนจะเคลื่อนตัวไปตกหนักในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มระบายน้ำในอัตราต่ำกว่า 1,000 ลบ.ม. ต่อวินาที ได้ในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 2 - 3 ของเดือนธันวาคม พร้อมจะเร่งหาแนวทางในการชดเชยเยียวยาเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยมากกว่า 30 วัน รวมถึงกำชับให้เร่งรัดโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในระยะยาว โดย สทนช. จะรายงานผลการประชุมในครั้งนี้ให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบในวันนี้

ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ่ายเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ให้ประชาชนแล้วกว่าร้อยละ 60-70 คาดว่าไม่เกินวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ จะชดเชยได้ครบทุกราย