จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “คัลแมกี” ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7 – 9 พฤศจิกายน 2568 ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในภาคกลาง ซึ่งบางจังหวัดเริ่มมีระดับน้ำเพิ่มสูงและไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนเป็นวงกว้าง
พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก / ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของทุกกองทัพภาคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยได้จัดเตรียมกำลังพล ยานพาหนะ เครื่องจักรกลหนัก เรือท้องแบน และชุดแพทย์เคลื่อนที่ ให้พร้อมเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้ทันที
ในพื้นที่ภาคกลาง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 1 ได้ระดมกำลังจากหน่วยขึ้นตรง เข้าช่วยเหลือประชาชนในหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
-จังหวัดพระนครศรีอยุธยา : กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ จัดกำลังพลจากหน่วยขึ้นตรงเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา บางไทร เสนา บางปะอิน และบางบาล โดยดำเนินการขนย้ายสิ่งของ อพยพประชาชน และเสริมแนวคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันน้ำเข้าพื้นที่ชุมชน
-จังหวัดอ่างทอง : กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 11 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เข้าดำเนินการเสริมแนวกั้นน้ำและคันดินป้องกันน้ำเข้าพื้นที่ชุมชน รวมทั้งช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงในอำเภอป่าโมกและไชโย
-จังหวัดปทุมธานี : หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก จัดกำลังพลหน่วยขึ้นตรง เข้าช่วยบรรจุทรายใส่กระสอบ จัดทำแนวกั้นน้ำ และสนับสนุนยานพาหนะในการอพยพประชาชน รวมถึงขนย้ายสิ่งของจำเป็นในพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี สามโคก และลาดหลุมแก้ว
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ภาคเหนือ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน อาทิ มณฑลทหารบกที่ 31 จัดกำลังพลเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนบ้านพักเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยดำเนินการช่วยขนย้ายสิ่งของไปยังที่สูง
นอกจากนั้น ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมความพร้อมของกำลังพล และเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น อาทิ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มณฑลทหารบกที่ 21 ได้ตรวจความพร้อมและซักซ้อมการปฏิบัติของชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 21 เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรอบคอบ รวดเร็ว และให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและกำลังพลเป็นหลัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดผลกระทบจากภัยพิบัติ และช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว กองทัพบก พร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


