ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความถึงพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีที่เคลื่อนตัวในทะเลจีนใต้ ว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตาม และประเมินอิทธิพลของพายุคัลแมกี พบมีความรุนแรงมาก โดยคาดว่า จะพัฒนาเป็นพายุไต้ฝ่นรุนแรงในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) และขึ้นฝั่งเวียดนามตอนกลาง ที่เมืองกวีเญิญ (จ. บิ่ญดิ่ญ) ตั้งแต่คืนวันพรุ่งนี้ และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ซึ่งตอนนี้อุตรดิตถ์ สภาพอากาศร้อนผิดปกติ แทนที่จะเริ่มหนาวเย็น ส่งนัยจะไม่มีความกดอากาศสูงมาสลายพายุลูกนี้
ทั้งนี้ พื้นที่หลายจังหวัดในประเทศไทยบริเวณเฉดสีเหลือง และส้มในกรอบสีแดง (แนวทิศตะวนตกเฉียงเหนือ-ตะวัะนออกเฉียงใต้) จะได้รับผลกระทบรุนแรงจากฝนตกหนัก (ฝนสะสม 2 วันมากกว่า 300 mm) ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง น้ำไหลหลาก น้ำท่วมรอการระบายจึงต้องติดตาม และเฝ้าระวังขั้นสูงสุด โดยตั้งแต่เช้าวันที่ 7 พฤศจิกายนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และตอนล่าง (โดยเฉพาะ จ.อุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร) และเข้าสู่ภาคเหนือตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน (จ.น่าน แพร่ อุตรดิตถ์) และภาคกลางหลายจังหวัดจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน จึงขอให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงตั้ง War room เฝ้าระวัง ติดตาม ประสานงานกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนอย่างทันเหตุการณ์
พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.อุบลฯ) และภาคกลาง (จ. พระนครศรีอยุธยา) ที่เป็นปลายน้ำ อาจจะมีน้ำท่วมหลายระลอก เนื่องจากจะมีปริมาณฝนตกตามทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุจากปลายน้ำไปยังต้นน้ำ (เช่นลุ่มน้ำมูล และลุ่มน้ำชี รวมทั้งลุ่มเจ้าพระยา) ปริมาณน้ำหลากจึงจะไหลกลับลงมาอีกครั้งน่ะครับ นอกจากนี้ เขื่อนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายเขื่อนมีปริมาณน้ำวิกฤติอยู่แล้ว ผู้บริหารเขื่อนต้องบริหารความเสี่ยงสูงสุด
ทั้งนี้ พื้นที่หลายจังหวัดในประเทศไทยบริเวณเฉดสีเหลือง และส้มในกรอบสีแดง (แนวทิศตะวนตกเฉียงเหนือ-ตะวัะนออกเฉียงใต้) จะได้รับผลกระทบรุนแรงจากฝนตกหนัก (ฝนสะสม 2 วันมากกว่า 300 mm) ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง น้ำไหลหลาก น้ำท่วมรอการระบายจึงต้องติดตาม และเฝ้าระวังขั้นสูงสุด โดยตั้งแต่เช้าวันที่ 7 พฤศจิกายนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และตอนล่าง (โดยเฉพาะ จ.อุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร) และเข้าสู่ภาคเหนือตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน (จ.น่าน แพร่ อุตรดิตถ์) และภาคกลางหลายจังหวัดจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน จึงขอให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงตั้ง War room เฝ้าระวัง ติดตาม ประสานงานกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนอย่างทันเหตุการณ์
พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.อุบลฯ) และภาคกลาง (จ. พระนครศรีอยุธยา) ที่เป็นปลายน้ำ อาจจะมีน้ำท่วมหลายระลอก เนื่องจากจะมีปริมาณฝนตกตามทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุจากปลายน้ำไปยังต้นน้ำ (เช่นลุ่มน้ำมูล และลุ่มน้ำชี รวมทั้งลุ่มเจ้าพระยา) ปริมาณน้ำหลากจึงจะไหลกลับลงมาอีกครั้งน่ะครับ นอกจากนี้ เขื่อนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายเขื่อนมีปริมาณน้ำวิกฤติอยู่แล้ว ผู้บริหารเขื่อนต้องบริหารความเสี่ยงสูงสุด


