เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ตุลาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กรณีลงนามใน MOU แร่ธาตุหายาก (แรร์เอิร์ธ) ระหว่างไทย-สหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยปกปิดข้อมูลข่าวสารเรื่องดังกล่าว ไม่ให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนทราบก่อนลงนาม อันอาจกระทบต่ออำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติได้
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และได้ลงนามในเอกสาร MOU "บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน" โดยที่ไม่เคยแจ้งให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนทราบมาก่อนเลย ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความลับ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด หากแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติล้วน ๆ อันชี้ให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของรัฐบาลและนายอนุทิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยชัดแจ้ง
แม้ต่อมาเมื่อมีการลงนามไปแล้ว จึงค่อยออกมาแถลงชี้แจงต่อประชาชนและสื่อมวลชนอย่างไม่เต็มใจและไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะปัญหาผลกระทบทางมลพิษสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม แต่ทว่าก็มิได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาสาระของ MOU ดังกล่าว แต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีจึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 ได้ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันกำหนดไว้ โดยเฉพาะข้อห้ามที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ ฯลฯ
รวมทั้งต้องยึดหลักนิติธรรม และให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ถูกต้องครบถ้วนและไม่บิดเบือน อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่งได้ ซึ่งในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 59 ประกอบมาตรา 41 กำหนดไว้ชัดเจนว่า รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ โดยที่ข้อมูลนั้นมิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงหรือเป็นความลับของทางราชการ จะต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก แต่ทว่ากลับมิการปิดงำเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด จนเรื่องมาแดงขึ้น จึงค่อยออกมาดาหน้าชี้แจงกันแบบขอไปที
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความมาร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดต่อนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของการปฏิบัติหน้าที่ ตามครรลองของกฎหมายต่อไป


