วันนี้ (28 ต.ค.) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำอ.1788/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ น.ส.สุพิชฌาย์ ชัยลอม หรือ เมนู (หลบหนี) และน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง (เสียชีวิต) แกนนำกลุ่มทะลุวัง เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 พวกจำเลยร่วมกันทำโพลสอบถามความคิดเห็นประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่รัฐบาลให้กษัตริย์ใช้อำนาจตามพระราชอัธยาศัย ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตจนถึงสนามเป้า ถนนพหลโยธิน
พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว โดยในวันนี้ มีเพียง น.ส.ณัฐนิช หรือ ใบปอ เพียงคนเดียวที่เดินทางเข้ามาฟังคำพิพากษาและกลุ่มผู้สนับสนุนเดินทางมาให้กำลังใจ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว ฝ่ายพยานโจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนจากหลายพื้นที่ในความรับผิดชอบ 7 ปาก เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า แม้ว่าจะไม่ทราบว่าใครเป็นผู้โพสต์ข้อความเชิญชวนในเพจทะลุวังให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมและแสดงความคิดเห็นตามสถานีรถไฟฟ้าเกี่ยวกับอำนาจของสถาบัน ตามที่จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้ดูแลเพจดังกล่าวและโพสต์ข้อความ แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับพวกที่เดินทางไปทำกิจกรรมและสอบถามความคิดเห็นของประชาชนกับกลุ่มทะลุวัง โดยมีสติกเกอร์แจกให้กับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมนำไปติดใต้ข้อความเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เกี่ยวกับการใช้อำนาจของสถาบัน การกระทำของจำเลยมีเจตนาเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมซึ่งย่อมเล็งเห็นผลกับพวกที่เข้าร่วมกิจกรรมตั้งข้อสงสัยกับการใช้อำนาจ
พยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนคำเบิกความของจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 ฐานดูหมิ่นสถาบัน พิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุน้อย เป็นนักศึกษา และทำประโยชน์ช่วยเหลือสังคมโดยการสอนหนังสือให้ผู้พิการทางสายตา และบริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย เห็นสมควรลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี ไม่รอลงอาญา
พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว โดยในวันนี้ มีเพียง น.ส.ณัฐนิช หรือ ใบปอ เพียงคนเดียวที่เดินทางเข้ามาฟังคำพิพากษาและกลุ่มผู้สนับสนุนเดินทางมาให้กำลังใจ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว ฝ่ายพยานโจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนจากหลายพื้นที่ในความรับผิดชอบ 7 ปาก เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า แม้ว่าจะไม่ทราบว่าใครเป็นผู้โพสต์ข้อความเชิญชวนในเพจทะลุวังให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมและแสดงความคิดเห็นตามสถานีรถไฟฟ้าเกี่ยวกับอำนาจของสถาบัน ตามที่จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้ดูแลเพจดังกล่าวและโพสต์ข้อความ แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับพวกที่เดินทางไปทำกิจกรรมและสอบถามความคิดเห็นของประชาชนกับกลุ่มทะลุวัง โดยมีสติกเกอร์แจกให้กับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมนำไปติดใต้ข้อความเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เกี่ยวกับการใช้อำนาจของสถาบัน การกระทำของจำเลยมีเจตนาเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมซึ่งย่อมเล็งเห็นผลกับพวกที่เข้าร่วมกิจกรรมตั้งข้อสงสัยกับการใช้อำนาจ
พยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนคำเบิกความของจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 ฐานดูหมิ่นสถาบัน พิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุน้อย เป็นนักศึกษา และทำประโยชน์ช่วยเหลือสังคมโดยการสอนหนังสือให้ผู้พิการทางสายตา และบริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย เห็นสมควรลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี ไม่รอลงอาญา


