สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศฉบับที่ 27/2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยระบุว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่าจะมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
ทั้งนี้ สทนช. ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2568 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย ดินแดง บางกะปิ บางนา ประเวศ พระโขนง ลาดกระบัง วังทองหลาง สวนหลวง และห้วยขวาง) จังหวัดสมุทรปราการ (อำเภอเมืองสมุทรปราการ บางบ่อ บางพลี และบางเสาธง)
2. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
2.1 ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยเต่า) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร ขาณุวรลักษบุรี คลองขลุง คลองลาน โกสัมพีนคร ปางศิลาทอง และพรานกระต่าย) จังหวัดตาก (อำเภอเมืองตาก พบพระ วังเจ้า สามเงา และอุ้มผาง) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอโกรกพระ แม่เปิน แม่วงก์ และลาดยาว) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า) จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอทัพทัน บ้านไร่ ลานสัก สว่างอารมณ์ และห้วยคต)
2.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมบูรณ์) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอด่านขุนทด ปากช่อง วังน้ำเขียว สูงเนิน เสิงสาง) จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอโนนดินแดง) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอปราสาท)
2.3 ภาคตะวันออก บริเวณ จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ท่าตะเกียบ และบางปะกง) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว คลองหาด ตาพระยา วังน้ำเย็น วังสมบูรณ์ วัฒนานคร และอรัญประเทศ) จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี เกาะสีชัง บางละมุง ศรีราชา และ สัตหีบ) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง และแกลง) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี ขลุง เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ นายายอาม มะขาม สอยดาว แก่งหางแมว โป่งน้ำร้อน และแหลมสิงห์) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เกาะกูด เกาะช้าง เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ และแหลมงอบ)
2.4 ภาคตะวันตก บริเวณ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอทองผาภูมิ ไทรโยค บ่อพลอย พนมทวน ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี หนองปรือ และห้วยกระเจา) จังหวัดราชบุรี (อำเภอปากท่อ และสวนผึ้ง) จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน และหนองหญ้าปล้อง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอบางสะพาน และหัวหิน) 2.5 ภาคใต้ บริเวณ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กะเปอร์ และละอุ่น) จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร ท่าแซะ ปะทิว และสวี) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต ถลาง และกะทู้) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านนาสาร ชัยบุรี บ้านนาเดิม และเวียงสระ) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ท่าศาลา และทุ่งใหญ่)
3. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ 4. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ได้แก่ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน และแม่น้ำตาปี
ทั้งนี้ สทนช. ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2568 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย ดินแดง บางกะปิ บางนา ประเวศ พระโขนง ลาดกระบัง วังทองหลาง สวนหลวง และห้วยขวาง) จังหวัดสมุทรปราการ (อำเภอเมืองสมุทรปราการ บางบ่อ บางพลี และบางเสาธง)
2. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
2.1 ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยเต่า) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร ขาณุวรลักษบุรี คลองขลุง คลองลาน โกสัมพีนคร ปางศิลาทอง และพรานกระต่าย) จังหวัดตาก (อำเภอเมืองตาก พบพระ วังเจ้า สามเงา และอุ้มผาง) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอโกรกพระ แม่เปิน แม่วงก์ และลาดยาว) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า) จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอทัพทัน บ้านไร่ ลานสัก สว่างอารมณ์ และห้วยคต)
2.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมบูรณ์) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอด่านขุนทด ปากช่อง วังน้ำเขียว สูงเนิน เสิงสาง) จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอโนนดินแดง) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอปราสาท)
2.3 ภาคตะวันออก บริเวณ จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ท่าตะเกียบ และบางปะกง) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว คลองหาด ตาพระยา วังน้ำเย็น วังสมบูรณ์ วัฒนานคร และอรัญประเทศ) จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี เกาะสีชัง บางละมุง ศรีราชา และ สัตหีบ) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง และแกลง) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี ขลุง เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ นายายอาม มะขาม สอยดาว แก่งหางแมว โป่งน้ำร้อน และแหลมสิงห์) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เกาะกูด เกาะช้าง เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ และแหลมงอบ)
2.4 ภาคตะวันตก บริเวณ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอทองผาภูมิ ไทรโยค บ่อพลอย พนมทวน ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี หนองปรือ และห้วยกระเจา) จังหวัดราชบุรี (อำเภอปากท่อ และสวนผึ้ง) จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน และหนองหญ้าปล้อง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอบางสะพาน และหัวหิน) 2.5 ภาคใต้ บริเวณ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กะเปอร์ และละอุ่น) จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร ท่าแซะ ปะทิว และสวี) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต ถลาง และกะทู้) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านนาสาร ชัยบุรี บ้านนาเดิม และเวียงสระ) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ท่าศาลา และทุ่งใหญ่)
3. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ 4. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ได้แก่ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน และแม่น้ำตาปี


