นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าการอุดอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ เพื่อป้องกันดินสไลด์ ทรุดตัวเพิ่มเติม ว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพยายามนำแผ่นชาร์ปคอนกรีต ซึ่งเป็นของเก่าของการไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม 5 ชิ้นออก โดยใช้รถเครนน้ำหนัก 150 ตัน มายกออก ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการนำอุปกรณ์ไปเสริมค้ำยันใต้ดิน เพื่อรองรับน้ำหนักรถเครนแล้ว ทำให้เสียเวลาไประยะหนึ่ง
แต่ข้อจำกัดตอนนี้ คือ แผ่นชาร์ปคอนกรีต มีน้ำหนักถึง 34 ตัน ทำให้รถเครนยกไม่ขึ้น เพราะแม้รถเครนจะมีน้ำหนักถึง 150 ตัน แต่เมื่อยืดแขนออกมาแล้ว ศักยภาพในการยกจะลดน้อยลง อีกทั้งแผ่นชาร์ปคอนกรีตอาจจะมีการไปเกี่ยวยึดกับวัสดุชิ้นอื่นๆ รวมถึงมีแรงหนืดของดิน ทำให้ยังไม่สามารถยกออกได้ ซึ่งหากฝืนอาจทำให้รถเครนพลิกคว่ำ เป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้
อย่างไรก็ตาม หากสามารถยกชิ้นส่วนแผ่นชาร์ปคอนกรีตทั้ง 5 ชิ้นออกได้ เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถเข้าไปสู่จุดที่ต้องใช้กระสอบทรายอุดรอยรั่วได้ ซึ่งกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยจะสังเกตเห็นว่า เจ้าหน้าที่จะอยู่บนกระเช้า หรือใช้การโรยตัวลงไป เพราะหากเกิดดินสไลด์หรือทรุดตัว จะได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมย้ำว่า กรุงเทพมหานครไม่ได้ห่วงเรื่องทรัพย์สิน อย่างตอนที่ต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปนำรถยนต์ที่หล่นลงไปในอุโมงค์ขึ้นมานั้น ก็เพราะรถยนต์ไปกีดขวางช่องอุโมงค์ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำไหลเข้าไปได้ ทำให้ต้องนำรถขึ้นมาก่อนจะใช้กระสอบทรายไปอุดช่อง ซึ่งเป็นงานของกรุงเทพมหานครที่จะต้องนำสิ่งกีดขวางขึ้นมาให้หมด
ส่วนการดูแลประชาชนในพื้นที่ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (24 ก.ย.) ก็ได้ลงพื้นที่ไปดูทุกครัวเรือน พบว่าบางพื้นที่น้ำประปาไหลอ่อน จึงได้ให้สำนักงานเขตดุสิตนำถังน้ำขนาดใหญ่ไปตั้งเป็นจุดบริการน้ำประปาชั่วคราว แต่มีปัญหาในจุดที่เป็นแฟลตอาคารสูง ต้องใช้ปั๊มน้ำสูบขึ้นไป แต่เบื้องต้นทราบจาก น.ส.สุวรา ทวิชศรี ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ว่า น้ำประปาจะกลับมาไหลปกติเต็มพื้นที่ในช่วง 12.00 น. วันนี้
นอกจากนี้ ยังได้รับผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งมีอยู่ 10 คน ในพื้นที่ไปดูแลหมดแล้ว และไฟฟ้าก็ใช้ได้ปกติ ภาพรวมสถานการณ์จึงไม่มีอะไรน่าห่วง หรือรุนแรงมาก เหลือเพียงแค่เรื่องการจราจรที่บริเวณถนนสุโขทัย ซึ่งยังไม่อยากให้รถบรรทุกหนักเข้ามาวิ่งในพื้นที่
นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีน้ำซึมขึ้นมาท่วมขังบนผิวการจราจร บริเวณย่านเกียกกาย ว่า เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลและส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแล้ว เข้าใจว่าพื้นที่ตรงนั้นมีโครงการที่ทำเรื่องประปาอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ต้องเฝ้าระวัง และส่งไปตรวจสอบที่สถานีแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสามารถลงไปดูได้
นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เซ็นอนุมัติให้พื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อที่จะดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในช่วงใกล้จะหมดวาระ นายชัชชาติ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา และต้องขอบคุณผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของคนไทย
"ผมว่าเป็นบททดสอบให้เห็นความเข้มแข็งของเมือง เมืองต้องสามารถกลับมาได้ กรณีมีเหตุฉุกเฉิน และเราจะไม่ยอมแพ้"