นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่ 3 ต้อง 2 ไม่ ของรัฐบาลอนุทิน
หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฎิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำดับถัดไปจะต้องแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งนายอนุทินได้แจ้งต่อประธานรัฐสภาว่า พร้อมที่จะแถลงนโยบายในวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ซึ่งการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด คือบริหารประเทศภายใน4เดือน นโยบายคงจะไม่ยาวมากนัก ถ้าได้ติดตามข่าวจะเห็นว่ามีประมาณไม่เกิน 8 หน้า ซึ่งเป็นนโยบายที่ครอบคลุมทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
แต่ในฐานะที่ผมเป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง อยากจะเสนอแนะต่อนายอนุทินว่า ระยะเวลาเพียง 4 เดือน ที่รัฐบาลชุดนี้จะบริหารประเทศ จึงอยากเสนอนโยบายเพียงสั้นๆ ให้พิจารณาคือ “นโยบาย 3 ต้อง 2ไม่” ความหมาย 3 ต้อง คือ รัฐบาลอนุทินจะต้องทำใน3ข้อ คือ
1.แก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตั้งแต่รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างคน 2 ตระกูล คือตระกูลครอบครัวของนายทักษิณ ชินวัตร กับครอบครัวของสมเด็จฮุนเซน จนไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลของนายอนุทิน เงื่อนไขการเจรจาน่าจะง่ายลง และเป็นทางลงของรัฐบาลนายฮุนมาเนตด้วย ถ้ามีการเจรจากัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็น่าจะทำให้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชายุติลงได้ และจะเป็นผลงานของรัฐบาลอนุทิน ซึ่งนโยบายนี้ไม่มีความยุ่งยากอะไร สามารถทำได้ในทันที
2.การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ต้องมีโครงการอะไรมากมายที่จะต้องทำ และเป็นโครงการที่มีความสลับซับซ้อน ใช้เงินไม่มากเกินไป ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ให้นำเอาโครงการเฉพาะหน้า ที่ประชาชนต้องการ และประชาชนเรียกร้องคือ นำนโยบายคนละครึ่ง ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามาใช้ เพราะในห้วงเวลา 4 เดือนนี้ ถ้าใช้นโยบายคนละครึ่ง น่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุด จึงไม่จำเป็นต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นใดขึ้นมาอีก
3.รัฐบาลอนุทินจะต้องทำตาม MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน คือการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบเรื่องที่มาของสสร.เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เร่งเสนอกฎหมายการได้มาซึ่งสสร.และควรให้พรรคการเมืองทุกพรรค ที่เสนอร่างกฎหมายสสร.มาพูดคุยกัน เพื่อให้ตกผลึกทางความคิด และหาข้อยุติ เพื่อสามารถทำประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันตามที่ตกลงไว้ใน MOA
ส่วน 2 ข้อ ที่ไม่ควรทำนั้น คือ
1.รัฐบาลอนุทินไม่ควรจะไปแตะต้องแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆ ต่อคดีฮั้วส.ว. และคดีที่ดินเขากระโดง แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มบุรีรัมย์ก็ตาม ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆ ให้เป็นที่เคลือบแคลง น่าสงสัยของสังคม มิฉะนั้นประเด็นนี้จะเป็นประเด็นสายล่อฟ้า และประเด็นที่จุดติดขึ้นมา จะทำให้รัฐบาลอนุทินไปก่อนระยะเวลา4เดือนตามที่กำหนดไว้
2.ไม่ควรมีโครงการแบบเมกะโปรเจกต์ หรือโครงการใหญ่ๆ อย่างเช่นการโฆษณาปัดฝุ่นโครงการแลนด์บริดจ์ ที่ลงทุนเป็นแสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่เกินไป และต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ต้องใช้งบผูกพัน รัฐบาลอนุทินไม่ควรจะทำโครงการใหญ่ๆ และโครงการที่มีงบผูกพัน เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลเฉพาะกิจ
จึงอยากเสนอความเห็นมายังรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าในห้วงระยะเวลาเพียงสั้นๆอย่างนี้ ขอให้ยึดแนวทาง3ต้อง2ไม่ ตามที่ได้เสนอมา และหวังว่า3ต้อง2ไม่ ที่นำเสนอนี้จะทำได้เสร็จในระยะเวลาจำกัด ไม่เกิน4เดือน
จึงฝากการบ้านให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูลได้พิจารณา