นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทไทยที่ค่อนข้างแข็งค่า ว่า เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 31.70 บาท และมาอยู่ที่ 31.60 บาท ซึ่งหลายคนมองว่ามีโอกาสจะไปแตะที่ 31.50 บาท โดยเรื่องนี้ทาง กกร. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งสัญญาณแล้วว่า เงินบาทเข้าสู่สภาวะแข็งเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งขนาดนี้ไม่สะท้อนกับสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ดี กำลังการซื้อไม่ดี ซึ่งปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้ค่าเงินบาทควรจะอ่อน แต่ตามที่หลายคนบอกว่าปัญหาคือค่าเงินสหรัฐอ่อนตัว ทำให้เงินในภูมิภาคนี้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง โดยตั้งแต่ครึ่งปีมาจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่สองในภูมิภาครองจากไต้หวันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ปัญหาที่จะกระทบผู้ส่งออก มีทั้งปัญหาที่โดนภาษีนำเข้าของสหรัฐ 19 เปอร์เซ็นต์ และต้องเผชิญกับปัญหาค่าเงินซ้ำอีก ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ใช่เฉพาะภาคส่งออก แต่รวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วยที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากไทยพยายามจะเร่งฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากค่าเงินของไทยแข็ง หมายความว่านักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวไทย อาจจะลังเลและเบี่ยงเบนไปเที่ยวประเทศอื่นมากกว่า เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งขนาดนี้ไม่สะท้อนกับสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ดี กำลังการซื้อไม่ดี ซึ่งปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้ค่าเงินบาทควรจะอ่อน แต่ตามที่หลายคนบอกว่าปัญหาคือค่าเงินสหรัฐอ่อนตัว ทำให้เงินในภูมิภาคนี้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง โดยตั้งแต่ครึ่งปีมาจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่สองในภูมิภาครองจากไต้หวันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ปัญหาที่จะกระทบผู้ส่งออก มีทั้งปัญหาที่โดนภาษีนำเข้าของสหรัฐ 19 เปอร์เซ็นต์ และต้องเผชิญกับปัญหาค่าเงินซ้ำอีก ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ใช่เฉพาะภาคส่งออก แต่รวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วยที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากไทยพยายามจะเร่งฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากค่าเงินของไทยแข็ง หมายความว่านักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวไทย อาจจะลังเลและเบี่ยงเบนไปเที่ยวประเทศอื่นมากกว่า เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น