xs
xsm
sm
md
lg

"อดีต ส.ว.สมชาย"เสนอนายกฯ 7 ข้อแก้ปัญหาบ้านเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดร.สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ประเทศไทยต้องมาก่อน

#รัฐบาลเสียงข้างน้อย #ชนะ

#นิติสงคราม #สามก๊ก

นายกคนที่32 นายอนุทิน ผู้นำรัฐบาลเฉพาะกิจ มีเวลาน้อยและมากด้วยข้อจำกัด
ต้องเร่งแก้ปัญหาบ้านเมือง ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง

การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มีปัญหารรุมเร้า ทั้งปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชา ปัญหาความมั่นคงทางภูมิภาครัฐศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก ปัญหาเศรษฐกิจชาติและเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชน ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นทุกระดับชั้น มีเงื่อนไขมากมายต้องทำประชามติ เพื่อล้มรัฐธรรมนูญ2560 ร่างใหม่ทั้งหมดโดยสสร ที่มาจากการเลือกตั้ง และให้ยุบสภาภายใน4เดือนข้างหน้า เป็นเงื่อนไขบังคับจากพรรคประชาชนที่มีเสียงข้างมากและพร้อมล้มรัฐบาลได้ตลอดเวลา

ปัญหาที่ถูกตั้งธงทำนิติสงครามจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันแรกและจะมีเพิ่มขึ้นอีกมากมายตามนั้นนับว่า ไม่ง่ายต่อการนำพารัฐนาวาผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างราบรื่น

ดังนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจึงมีเวลาจำกัดและข้อจำกัดมากในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองยามนี้

ผมจึงมีข้อเสนอแนะบางประการ มายังท่านอนุทิน นายกรัฐมนตรีคนที่32 เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาดังนี้ครับ

1)ควรจัดตำแหน่งรัฐมนตรีคนนอก1ใน3 หรือกึ่งหนึ่งของครม เท่ากับโควต้า จำนวน สส ที่พรรคประชาชนไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล โดยนำบุคลากรที่มีศักยภาพ ทั้งอดีตผู้บริหารราชการแผ่นดิน ผู้บริหารองค์กรเอกชน นักวิชาการ ที่มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต มาช่วยทำหน้าที่รัฐมนตรีในการบริหารบ้านเมืองในครมเฉพาะกิจนี้ เช่นที่นายกได้ทาบทาม บุคคล3ท่าน ที่เป็นคนนอก เข้ามาเป็น รมต ต่างประเทศ รมต คลัง รมต พลังงาน สังคมหลายภาคส่วนได้ให้การยอมรับ จึงขอเสนอให้พิจารณาบุคคลภายนอก ที่สังคมเชื่อถือ มาช่วยในครมเพิ่มอีก อาทิ รมต ยุติธรรม รมต กลาโหม รมต พาณิชย์ ฯลฯ

2)นายกรัฐมนตรีต้องคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีทุกท่านอย่างเข้มงวดก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ รวมถึงตรวจสอบบรรดารัฐมนตรีโควต้าที่มาจากทุกพรรคการเมือง มิให้ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามโดยเฉพาะประเด็นที่อาจเป็นผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และอาจประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยต้องยึดหลักตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยให้2อดีตนายกพ้นตำแหน่ง มาแล้ว คือ คดี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ที่สวปัจจุบันยื่น และคดีนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผมและอดีต40สว ยื่น โดยต้องพิจารณาประกอบกับสาระของหนังสือที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่นร 0508/2564 เรื่องขอซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขพระราชทานพระมหากรุณา ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้ให้กับคุณสมบัติรัฐมนตรีคนใดได้ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร และมีพรรคการเมืองบางพรรคและภาคสังคมที่ทำหน้าที่ตรวจสอบต่างรอยื่นดำเนินคดีอยู่แน่นอน

3)นายกฯ ต้องเป็นผู้นำปลุกจิตสำนึกความเป็นชาติ โดยยึดผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญโดยมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา สนับสนุนกองทัพไทยในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้มีการดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างถูกต้องและมีความเป็นมืออาชีพในเวทีโลกและสหประชาชาติ รวมถึงการเร่งเจรจา JBC GBC RBC เรื่องการให้กัมพูชาถอนกำลังออกจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามแผนที่1:50,000 ให้ได้ข้อยุติในเวลาอันใกล้โดยหากเจรจาไม่มีข้อยุติต้องยกเลิก MOU43และMOU44 ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้กัมพูชามาแบ่งเคลมแหล่งพลังงานมูลค่ามหาศาลมากกว่า 10 ล้านล้านบาทในอ่าวไทยได้อีกต่อไป

4)รัฐบาล ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและปัญหาความเหลื่อมล้ำของพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน ยกเลิกโครงการแจกเงินที่สร้างภาระหนี้ประชาชาติ ปรับเปลี่ยนเป็นการเร่งพัฒนาคนและส่งเสริมเสริมศักยภาพแทน ปรับแก้กฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย เพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจในการแข่งขันการค้าให้กับคนไทยและภาคธุรกิจไทยฯลฯ

5)รัฐบาลต้องเร่งขจัดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่ฝังรากลึกและเกิดขึ้นในทุกระดับทั้งส่วนกลางและภูมิภาค อย่างจริงจัง

6)รัฐบาล ต้องเร่งสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมให้เดินหน้า ตรงไปตรงมา ไม่บิดเบี้ยว กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย บังคับใช้กับคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาค ยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม

7)รัฐบาลต้องเร่งขจัดปัญหายาเสพติดทุกประเภท รวมถึงการออกกฎหมายควบคุมกัญชาที่ปล่อยปละละเลยมาจนกลายเป็นกัญชาเสรี เกิดปัญหาบานปลายขึ้นในสังคมและกระทบการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปัจจุบัน

เห็นใจครับว่า นายกและรัฐมนตรีชุดใหม่ ไม่มี honeymoon period หรือมีเวลามากพอเช่นรัฐบาลอื่นก่อนหน้านี้ เพราะประเทศไทยกำลังป่วยเรื้อรัง เป็นความท้าทายระดับวิกฤต (Critical Challenge) แต่เชื่อมั่นว่า ถ้ารัฐบาล สภา และประชาชนร่วมมือกัน เราจะช่วยกันพลิกฟื้นประเทศไทยได้ครับ แต่ถ้ายังปล่อยให้พรรคการเมือง กลุ่มธุรกิจการเมืองครอบงำ ยังคงทุจริตและทำกันแบบเดิมๆ

ประเทศไทย คงไม่พ้นวิกฤต“ปากเหว” กลายเป็น”failed state หรือ รัฐล้มเหลว”ในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นได้ ครับ

จึงขอเสนอแนะมาด้วยความหวังดีจากใจครับ
ดร.สมชาย แสวงการ
อดีตสมาชิกวุฒิสภา
#รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย
7กย 2568