น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ว่า พรรคไทยขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของคุณอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และแม้วันนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลแล้ว แต่ขอยืนยันว่า เราจะยังเดินหน้าทำงานต่อไปเต็มที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
“เราพร้อมเริ่มงานนับตั้งแต่วินาทีแรกที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เรายืนยันว่า ประเด็นใหญ่และสำคัญๆ ที่รัฐบาลเพื่อไทยดำเนินการมาจะไม่สูญเปล่า นั่นคือ กรณีการดำเนินคดีบุกรุกที่ดินเขากระโดง และการตรวจสอบดำเนินคดีเกี่ยวกับการ ฮั้ว สว. ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นข้อสงสัยในสังคมว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่ปัจจุบันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เราจะจับตาทุกฝีก้าวว่า รัฐบาลใหม่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ต่ออย่างไร”
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า หากพบว่ามีการดำเนินการเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือพยายามทำให้คดีความมีความล่าช้าออกไป พรรคเพื่อไทยจะใช้ทุกช่องทางการตรวจสอบที่มีอยู่เพื่อระงับยับยั้งการกระทำดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และธำรงไว้ซึ่งความถูกต้องของหลักการประชาธิปไตยระบบรัฐสภา และหลักนิติรัฐ
หากเมื่อใดก็ตามที่เห็นว่ามีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้งกรณีเขากระโดง และคดีฮั้ว ส.ว. ส.ส. พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้าชื่อเสนอเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีทันที แม้จะยังไม่ครบกำหนด 4 เดือน ตามบันทึกข้อตกลง “ส้ม–น้ำเงิน”
“ความยุติธรรมต้องไม่ถูกซื้อ ความจริงต้องไม่ถูกปกปิด อำนาจต้องถูกตรวจสอบ”
น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลภูมิใจไทยชุดนี้ตั้งขึ้นตามระบบรัฐสภา ผ่านการตั้งเงื่อนไขและตัดสินใจเลือกของพรรคประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่ตั้งโดยเงื่อนไขพิสดารเช่นนี้ คาดหวังความสําเร็จได้ยากมาก และพรรคประชาชนในฐานะคะแนนเสียงหลักของการตั้งรัฐบาล จะปฏิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองไม่ได้
“หลายท่านอาจจะตั้งคำถามว่า การตั้งรัฐบาลชุดนี้มีความต่างอย่างไรกับกรณีการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2566 ดิฉันเห็นว่ามีความต่างอย่างมาก สิ่งสำคัญที่เราต้องไม่ลืมคือ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 จากการเลือกตั้งได้ลุกขึ้นสนับสนุนคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วถึง 2 ครั้ง และพรรคก้าวไกลเดิมก็ได้ส่งไม้ต่อให้กับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล ผลปรากฎว่าเมื่อเดินหน้าเจรจาเพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มเติมจากพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกพรรคปฎิเสธที่จะร่วมรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย หากท่านจำกันได้ พรรคแรกที่ปฏิเสธอย่างชัดเจนก็คือ พรรคภูมิใจไทย
.
สุดท้ายเราต้องเลือกเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลต่อโดยไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย และเราตั้งรัฐบาลโดยเอาคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำของรัฐบาล ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับสิ่งที่พรรคประชาชนยกมือสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล จัดตั้งรัฐบาลอนุรักษนิยมขึ้นมาใหม่ โดยจะกลายเป็นรัฐบาลอนุรักษนิยมที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากไม่นับรวบรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร”
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลนี้สำเร็จแล้ว บทบาทของพรรคประชาชนในการหามคุณอนุทินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรียังไม่สิ้นสุดลงเพื่อแค่นั้น แต่ยังต้องทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมสภาฯ ให้กับพรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติของการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน
“ส่วนกรณีที่คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศในที่ประชุมสภาเชิญชวนให้พรรคเพื่อไทยร่วมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งนั้น เราเชื่อว่าในเวลาที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอยู่แล้ว แต่วันนี้เราอยากขอให้พรรคประชาชนทบทวนความหมายของการเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอีกครั้งว่า หน้าที่ของฝ่ายค้านเสียงข้างมาก คือการประคองรัฐบาลหรือการตรวจสอบรัฐบาลกันแน่
.
และสิ่งที่ทางพรรคประชาชนใช้เป็นคำขวัญประจำพรรคที่ว่า พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ดิฉันเห็นว่า เมื่อท่านเดินมาถึงจุดนี้แล้ว อาจจะต้องเติมประโยคต่อท้ายไปด้วยว่า ‘พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค อนุรักษนิยมใหญ่กว่าใคร’ ”
ส่วนกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกของพรรคประชาชนครั้งนี้ เป็นไปเพื่อฝ่าทางตัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขัตติยา ย้ำว่า พรรคประชาชนต้องเลิกจินตนาการ และเลิกสร้างทางตันเทียมขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้างในการโหวตคุณอนุทิน ได้แล้ว
พรรคเพื่อไทยยืนยันชัดเจนมาตลอดว่า เรายังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งคนคือ คุณชัยเกษม นิติสิริ เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นถึงเงื่อนไขและกับดักในกลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับนี้เป็นอย่างดี จึงได้เสนอแคนดิเดตนายกไว้ถึง 3 ท่าน แม้ที่ผ่านมาจะถูกล้อเลียนว่า นี่คือ นายกฯ กล่องสุ่ม แต่วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทยเสนอรายชื่อ 3 รายชื่อเพื่ออะไร และสิ่งที่สำคัญที่สุดกรณีการเสนอชื่อ พล.ประยุทธ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี ไม่เคยอยู่ในสมการของพรรคเพื่อไทยเลย
น.สใขัตติยา กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ในส่วนของเพื่อไทยเอง ขอยืนยันว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังแข็งแรง พร้อมทำงานเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชน และจะไม่ยอมปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยระบบรัฐสภาถูกบิดเบือน