นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ยาหรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแปะก๊วยระวังเลือดออกง่าย
ข้อห้ามใช้
การใช้แปะก๊วยในผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด จำเป็นต้องระมัดระวัง
รายงานผู้ป่วยรายหนึ่งอธิบายถึงภาวะเลือดออกเองจากม่านตาเข้าไปในช่องด้านหน้าของตาในผู้ป่วยสูงอายุที่รับประทานทั้งแอสไพรินและแปะก๊วย
การศึกษาในปี พ.ศ. 2558 ใน ทหารปลดประจำการ
แสดงให้เห็นว่าการใช้วาร์ฟารินร่วมกับ
แปะก๊วยมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออก
ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอเกี่ยวกับความเสี่ยงระหว่างการผ่าตัดจากการใช้แปะก๊วย
งานวิจัยหนึ่งชิ้นแนะนำให้แพทย์หยุดใช้แปะก๊วยอย่างน้อย 36 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิภาพของแปะก๊วยในหญิงตั้งครรภ์ มารดาที่ให้นมบุตร หรือทารก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้แปะก๊วยในกลุ่มประชากรเหล่านี้
ในผู้ป่วยโรคลมชักหรือผู้ป่วยที่มีแนวโน้มจะชัก แพทย์ควรระมัดระวังในการใช้แปะก๊วย เนื่องจากสาร เจือปนใน แปะก๊วยซึ่งส่วนใหญ่พบในเมล็ดแปะก๊วยแต่ยังคงมีอยู่ในใบแปะก๊วย อาจช่วยทำให้เกิดการชักได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากแปะก๊วยมีคุณสมบัติเป็นสารยับยั้งเอนไซม์โมโนเอมีนออกซิเดสจึงสามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเซโรโทนินซินโดรมในผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านอาการซึมเศร้าอื่นๆ ได้
นอกจากนี้ แปะก๊วยยังมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นหากผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานและรับประทานแปะก๊วย ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด
จากบทความ คัดส่วนที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและผลข้างเคียง
Ginkgo Biloba
Stat pearl
ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต