มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง ชุดที่ 26 ซึ่งรับผิดชอบสำนวนคดีฮั้วการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ประชุมสรุปผลสอบสวน และมีมติเสนอให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 229 ราย
ในจำนวนนี้ แบ่งเป็น สมาชิกวุฒิสภา 138 ราย และ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยกับเครือข่ายอีก 91 ราย โดยพิจารณาอิงตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 ได้แก่ มาตรา 70, 36, 62, 76 และ 77 (1)
คณะกรรมการฯ เห็นว่า การกระทำของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเข้าข่ายมีพฤติการณ์ไม่สุจริต ขัดต่อหลักการได้มาซึ่งตำแหน่ง สว.อย่างเที่ยงธรรม รวมถึงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ที่ระบุชัดว่า สว. ต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด หาก กกต. เห็นชอบกับมติดังกล่าว ก็อาจนำไปสู่ขั้นตอนร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย ได้ในที่สุด
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาในส่วนของกรรมการบริหารพรรค เข้าข่ายผิดมาตรา 76 ของกฎหมายเดียวกัน ที่ห้ามบุคคลในพรรคการเมืองดำเนินการใดๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัคร สว. ได้รับเลือก หรือทำให้ผู้อื่นไม่ได้รับเลือก หากฝ่าฝืน มีโทษ จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 – 200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
ขั้นตอนภายหลังมติของคณะกรรมการฯ ชุดที่ 26 เรื่องจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือการพิจารณาของเลขาธิการ กกต. ซึ่งตามรายงานจะมอบหมายให้รองเลขาธิการ กกต. เป็นผู้ให้ความเห็นแทน เนื่องจากเลขาธิการคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเลือกตั้ง สว. ทั่วประเทศ จึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
หาก กกต. ชุดใหญ่มีมติเห็นพ้องกับผลสอบสวน อาจนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และอาจส่งผลทางการเมืองร้ายแรงต่อพรรคภูมิใจไทย