นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการประชุมติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและอิหร่าน ระบุว่า
"สถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและอิหร่าน ที่อาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อสถานการณ์พลังงานสำรองของประเทศ วันนี้ดิฉันได้เชิญท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้ามาประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมรับมือ เตรียมความพร้อมทุกมิติ
ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนค่ะว่า เรื่องนี้รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ เราได้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมแผนการล่วงหน้า สามารถมีปริมาณน้ำมันสำรองได้ 60 วัน และเราจะหามาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในระยะยาวต่อไป
ในส่วนของราคาพลังงาน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่มีความผันผวน ดิฉันขอให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน พิจารณาการใช้กองทุนพลังงานและการเก็บภาษีสรรพสามิตเพื่อช่วยเหลือพยุงราคาพลังงานในระดับที่เหมาะสม
ส่วนในระยะยาว รัฐบาลจะวางแผนในความมั่นคงของพลังงาน โดยจะใช้มาตรการเดียวกันนี้ในการจัดหาก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการควบคุมทั้งราคาและปริมาณ และหาความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาคอาเซียนต่อไป
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ผันผวนรุนแรง การบริหารจัดการพลังงาน จะต้องถูกวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศระยะยาวค่ะ"
จากนั้น น.ส.แพทองธาร เป็นประธานประชุมมาตรการเตรียมการนำคนไทยออกจากพื้นที่ตะวันออกกลาง ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้อง โดยผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศรายงาน ว่า ได้เตรียมความพร้อมอพยพเรียบร้อยแล้ว โดยประเทศอิหร่านที่มีคนไทยอยู่ประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่มีครอบครัวอยู่ที่กรุงเตหะราน ขณะที่แรงงานมีประมาณ 30 คน หากแจ้งความจำนง ก็พร้อมจะพากลับประเทศไทย
ส่วนที่ประเทศอิสราเอล มีคนไทยกว่า 40,000 คน ซึ่งแจ้งความประสงค์เดินทางกลับจากอิสราเอลประมาณ 100 คน ส่วนที่เหลือได้อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้วเพื่อรอดูสถานการณ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทั้งสองประเทศ และเตรียมพร้อมอพยพคนไทยทันที เมื่อสถานการณ์รุนแรง โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กำหนดว่าจะอพยพหรือไม่ และประเมินสถานการณ์รายชั่วโมง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศได้สำรวจเส้นทางการเดินทางตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศเพื่อมาต่อเครื่องบิน เนื่องจากน่านฟ้าของทั้งสองประเทศยังปิดการเดินทางทางอากาศ