นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ เห็นชอบในหลักการร่างกฎหมายคุ้มครองส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ซึ่งเตรียมนำเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรต่อไป ซึ่งกฎหมายดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ให้ส่งเสริมความเท่าเทียมของทุกคนและยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งหากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เชื่อว่าจะเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง กล่าวคือ ชาติพันธุ์ต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและไม่มีการขึ้นทะเบียนหรือคัดแยกหรือยังไม่ได้รับสัญชาติไทยก็จะมีการคัดแยกขึ้นทะเบียนให้ได้รับสัญชาติไทย ก็จะมีสิทธิ์ในการได้รับการดูแลจากภาครัฐ ได้สิทธิ์ในที่ทำกิน ซึ่งจะมีผลทำให้ชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ป่าสงวนหรือในพื้นที่ต่างๆ ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกรุก จะเปลี่ยนมาเป็นผู้ช่วยภาครัฐ
ทั้งนี้ กลุ่มชาติพันธุ์ มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ มีอยู่ 1 ใน 7 ของประชากรทั้งหมด หรือเท่ากับ 10 ล้านคน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็จะช่วยให้การคุ้มครองสิทธิ์ ได้รับการคุ้มครองให้เป็นพลเมืองได้สัญชาติไทย เนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของกระทรวงทรัพย์ฯ
นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การประกอบอาชีพจะต้องอยู่ในพื้นที่โล่งเตียนไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า และจัดให้เจ้าของพื้นที่ที่ดูแลป่า ให้อยู่ในพื้นที่ต่อไปในลักษณะคนกับป่าอยู่ด้วยกัน จากนั้นจะมีการส่งเสริมอาชีพคุณภาพชีวิต ทั้งการศึกษา สุขภาพอนามัย รวมไปถึงจะเกิดประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว เพราะกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีSoft Power สอดแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก หากเราทำตรงนี้ได้สมบูรณ์เรียบร้อย พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั้ง 10 ล้านคนเดิมที่เคยเป็นภาระของรัฐบาลจะกลายเป็นพลังสำคัญของรัฐบาล ที่จะช่วยดูแลไม่ให้มีการทำลายป่า รวมไปถึงการป้องกันไฟป่า เขาเป็นคนไทย 100% และเมื่อเขาเป็นคนไทย 100% ก็จะเกิดความรักในความเป็นประเทศไทย ก็จะช่วยดูแลในเรื่องของความมั่นคง ไปจนถึงปัญหายาเสพติดชายแดน แหล่งผลิต เขาจะมีความรักหวงแหนและช่วยป้องกันปราบปรามอีกด้วย
ทั้งนี้ นายเสริมศักดิ์ เชื่อว่าเมื่อกฎหมายเข้าสู่สภาฯ จะได้รับการสนับสนุน เพราะเป็นนโยบายที่หลายพรรคการเมืองส่งเสริมความเท่าเทียม โดยตั้งเป้าหากมีความเป็นไปได้ก็อยากให้ทันในสมัยการประชุมนี้ ทั้งนี้จะถือเป็นผลงานรัฐบาลได้หรือไม่ นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ถือว่ากฎหมายดังกล่าวเสนอโดยกระทรวงวัฒนธรรม แต่ก็ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสภาฯต่อไป


