xs
xsm
sm
md
lg

ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ปราจีนบุรี ต้นโพธิ์เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กิ่งก้านที่แผ่กว้างไปรอบๆ มอบความรู้สึกสงบผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามอยู่ประดิษฐานอยู่ใต้ร่มเงา ก็ดูเข้มขลังชวนให้นึกจินตนาการไปถึงภาพพระศาสดาแห่งพุทธศาสนาเมื่อครั้งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ

ต้นไม้ที่ว่านี้ คือ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ต้นโพธิ์ที่นับได้ว่าเป็นต้นที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย


“ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ต้นนี้ อยู่ในเขต “วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นต้นแรก ลำต้นโดยรอบประมาณ 20 เมตร และมีความสูงประมาณ 30 เมตร


เรื่องเล่าตำนานศรีมหาโพธิ
ตามคติพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เชื่อว่า ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียนั้นตายไปแล้ว แต่หน่อเนื้อเชื้อไขของต้นโพธิ์ตรัสรู้ยังอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งอัญเชิญมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

เรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานที่มาของต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ณ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ยังมีการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า “ในอดีตเมื่อครั้ง พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ในสมัยขอมเรืองอำนาจทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้จากเจ้าผู้ครองนครปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย เพื่อนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ”


นอกจากนี้ ความเชื่อเรื่องการอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิในประเทศไทยก่อนสมัยรัชกาลที่ ๕ จะต้องอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ไม่ได้อัญเชิญมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ปกครองอินเดียจึงได้มีการอัญเชิญพระศรีมหาโพธิจากพุทธคยาไปยังดินแดนต่าง ๆ เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิจากอินเดียมาปลูกที่พระจุฑาธุชราชฐานบนเกาะสีชัง

ในประเทศไทยมีต้นพระศรีมหาโพธิที่มีหน่อเนื้อเชื้อไขจากต้นโพธิตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมาย ทั้งที่นำมาจากศรีลังกาและอินเดีย โดยเชื่อว่าต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นพระศรีมหาโพธิที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อัญเชิญมาจากลังกาทวีปในสมัยวัฒนธรรมทวารวดีเมื่อประมาณ 1,000 กว่าปีมาแล้ว

ส่วนการเรียกชื่อต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมโหสถว่า “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” เป็นการแสดงให้เห็นว่าต้นโพธิ์ต้นนี้ คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขต้นโพธิตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า




ต้นโพธิ์ ต้นไม้แห่งปัญญา
ต้นโพธิ์ ถือเป็นศูนย์รวมความเชื่อและความศรัทธาของชาวพุทธมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลมากกว่า 2,000 ปี คำว่า “โพธิ” เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้นๆ และได้ตรัสรู้

ต้นโพธิ์จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์ และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย ได้รับการกราบไหว้บูชาเคารพเรื่อยมา


อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อด้วยว่า ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เหมาะสมที่จะปลูกในบริเวณที่พักอาศัย เพราะหากเจ้าของดูแลได้ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมแล้วก็อาจจะทำให้เกิดเหตุไม่ดีตามมาแก่คนในครอบครัว แต่อาจเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนด้วยเช่นกัน เนื่องจากระบบรากของต้นโพธิ์สามารถชอนไชไปได้ไกลเพื่อที่จะหาอาหารถ้าปลูกใกล้พื้นที่บริเวณที่อยู่อาศัยจะทำให้โครงสร้างบ้านหรืออาคารที่อยู่ใกล้เคียงนั้นเกิดความเสียหายได้

ลักษณะทั่วไปของต้นโพธิ์ คือ เป็นไม้ต้นใหญ่ สูง 20-30 เมตร ผลัดใบระยะสั้น เรือนยอดแผ่กว้าง ลำต้นใหญ่สั้นและเป็นพูพอน กิ่งก้านแผ่ขยาย มีรากอากาศไม่มากเปลือกเรียบสีน้ำตาลปนเทา ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กว้างหรือสามเหลี่ยม ปลายใบยาวแหลม โคนใบรูปหัวใจ ดอกเป็นสีเขียวอ่อนออกรวมเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่งมีดอกตลอดปี ผลสดแบบมะเดื่อ ทรงกลมสีม่วงดำ ออกผลตลอดปี

ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ มองจากซุ้มประตูวัดฝั่งตรงข้าม
หนึ่งในรุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี
สำหรับ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ปราจีนบุรี นับเป็นต้นไม้ 1 ใน 65 ต้น ที่ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือทรงคุณค่า “รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ผู้เปรียบดัง "ร่มโพธิ์ไทร" ของประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2560

วิหารพระคันธารราช วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ
ปัจจุบัน ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยด้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานจากกรมศิลปากร พร้อมทั้งปรากฏอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัด





กำลังโหลดความคิดเห็น