กรมอุทยานฯ เผยความคืบหน้าอาการ “พังข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง มีอาการดีขึ้นต่อเนื่อง ด้านชาวเน็ต คนรักสัตว์ ร่วมส่งกำลังใจให้น้องปลอดภัย แข็งแรง และสามารถลุกขึ้นเดินได้ในเร็ววัน
จากกรณีชาวบ้านพบลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บ ในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูและทีมสัตวแพทย์ได้เข้าช่วยเหลือ และตั้งชื่อลูกช้างตัวนี้ว่า “น้องข้าวต้ม”
หลังจากนั้นในวันที่ 22 กันยายน 2568 ได้มีการเคลื่อนย้ายน้องข้าวต้มจากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ไปยังศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี มีทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลรักษาน้องข้าวต้มใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับน้องข้าวต้ม หรือที่ต่อมาหลาย ๆ คน เรียกว่า “ข้าวต้มน้อย” มีอายุราว 3 วัน (อ้างอิง ณ 24 ก.ย. 68) น้ำหนัก 118 กก. จากการตรวจสอบของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า เป็นลูกช้างที่มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติมาแต่กำเนิดหลายจุด แต่ไม่พบการแตกหักของกระดูก
วันนี้เรื่องราวการดูแลรักษาน้องข้าวต้มได้กลายเป็นไวรัล ทำให้ชาวเน็ต คนรักสัตว์ คนรักช้าง ร่วมส่งกำลังใจให้น้องปลอดภัย แข็งแรง และสามารถลุกขึ้นเดินได้ในเร็ววัน
โดยล่าสุดในช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รายงานความคืบหน้าในการดูแลรักษาพังข้าวต้ม ว่า มีอาการดีขึ้นต่อเนื่อง มีทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยเพจ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ระบุว่า
วันที่ 24 กันยายน 2568 ทีมสัตวแพทย์ ได้ร่วมกันรายงานความคืบหน้าอาการของ “ข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง เพศเมีย อายุประมาณ 3 วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์ ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก
สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 เวลา 23.00 น. สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ, สพ.ญ. กานต์พิชชา หาญอาษา นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้เข้าตรวจสอบอาการของลูกช้าง “ข้าวต้ม” และพบว่ามีอาการอ่อนแรง, ไม่ยอมกินอาหาร (นมผงผสมน้ำข้าว), และกลืนลำบาก จากการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดพบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ทีมสัตวแพทย์จึงได้ดำเนินการรักษาเบื้องต้นด้วยการให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำและป้อนน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและพยุงอาการ
ล่าสุดในวันที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 01.00 - 03.00 น. ลูกช้าง “ข้าวต้ม” มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มมีแรงมากขึ้นและสามารถพยายามจะลุกขึ้นยืนได้เอง นอกจากนี้ เมื่อทำการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง พบว่ากลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม ทีมสัตวแพทย์ยังคงให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ได้ยืนยันว่าจะให้การดูแลรักษาลูกช้าง “ข้าวต้ม” อย่างเต็มที่และใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ