เกาหลีใต้แตะเบรกตัวโก่ง! แผนคลอดกฎหมายคุมสินทรัพย์ดิจิทัลฉบับสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2569 หลังเกิดศึกเกาเหลาระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล ‘FSC’ และ ‘ธนาคารกลาง’ ที่ตกลงกันไม่ได้เรื่องอำนาจควบคุม ‘Stablecoin’ แม้ทั้งคู่จะเห็นพ้องต้องกันในมาตรการสุดโหด บังคับผู้ออกเหรียญต้องสำรองเงินสด 100% ไว้กับธนาคารเพื่อกันท่าซ้ำรอยหายนะในอดีต พร้อมเตรียมรื้อฟื้น ICO และปิดช่องโหว่ Travel Rule ไล่ล่าอาชญากรรมไซเบอร์แบบขุดรากถอนโคน
เส้นทางสู่การจัดระเบียบโลกคริปโทเคอร์เรนซีของเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับอุปสรรคชิ้นโต เมื่อรายงานล่าสุดจากสำนักข่าวยอนฮับ (Yonhap) ระบุว่า ร่างกฎหมาย Digital Asset Basic Act ซึ่งเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลแดนกิมจิ จะถูกเลื่อนการบังคับใช้ออกไปจนถึงปี 2569 สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งที่ไม่ลงรอยกันระหว่างหน่วยงานรัฐ เกี่ยวกับโมเดลการกำกับดูแล Stablecoin
กฎเหล็ก "สำรอง 100%" ห้ามขาดแม้แต่แดงเดียว
แม้จะมีประเด็นขัดแย้ง แต่สิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลเห็นตรงกันอย่างเอกฉันท์คือมาตรการ “คุ้มครองนักลงทุน” ที่เข้มข้นถึงขีดสุด ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่ ผู้ออก Stablecoin จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสุดหิน ได้แก่
1.สินทรัพย์สำรองต้องเป็น 100% : ต้องถือครองสินทรัพย์หนุนหลังเต็มจำนวนในรูปแบบของ “เงินฝากธนาคาร” หรือ “พันธบัตรรัฐบาล” เท่านั้น
2.แยกบัญชีเด็ดขาด : สินทรัพย์สำรองทั้งหมดต้องถูกฝากไว้กับผู้ดูแลผลประโยชน์ (Custodian) ที่ได้รับใบอนุญาต เช่น ธนาคาร เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีบริษัทผู้ออกเหรียญล้มละลายหรือนำเงินไปหมุน ซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงจากวิกฤตการณ์ในอดีต
สังเวียนศึกชิงอำนาจ ‘แบงก์ชาติ’ ปะทะ ‘ก.ล.ต.’
ปมปัญหาที่ทำให้กฎหมายต้องชะงักงัน คือความเห็นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่าง ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Bank of Korea - BOK) และ คณะกรรมการบริการทางการเงิน (FSC) ในเรื่องที่ว่า “ใครควรมีสิทธิ์ออก Stablecoin?”
- Bank of Korea (สายอนุรักษ์) : ยืนกรานว่า Stablecoin ต้องออกโดยกลุ่มพันธมิตร (Consortia) ที่มี “ธนาคารพาณิชย์” เป็นแกนนำเท่านั้น โดยธนาคารต้องถือหุ้นอย่างน้อย 51% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risks) พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมากำกับดูแลโดยเฉพาะ
- FSC (สายเปิดกว้าง) : คัดค้านหัวชนฝา โดยมองว่าการล็อกสเปกให้ธนาคารเป็นใหญ่จะกีดกัน “บริษัทเทคโนโลยี” และนวัตกรรม Fintech ใหม่ๆ ออกจากตลาด และยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องตั้งหน่วยงานใหม่ เพราะ FSC ทำงานร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังอยู่แล้ว
รื้อฟื้น ICO & ลงดาบแพลตฟอร์มหละหลวม
นอกเหนือจากเรื่อง Stablecoin ร่างกฎหมายนี้ยังเตรียมพลิกโฉมนโยบายครั้งสำคัญด้วยการ “ปลดล็อก ICO” (Initial Coin Offerings) ซึ่งถูกแบนมาตั้งแต่ปี 2560 โดยจะอนุญาตให้โปรเจกต์ในประเทศระดมทุนได้อีกครั้ง หากผ่านเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลและการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด
ในขณะเดียวกัน มาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ให้บริการ (Service Providers) จะถูกยกระดับเทียบเท่าสถาบันการเงิน หากเกิดเหตุ “แฮก” หรือ “ระบบล่ม” แพลตฟอร์มจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทันที แม้จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ประมาทเลินเล่อก็ตาม (Strict Liability) ซึ่งเทียบเท่ากับมาตรฐานที่ใช้กับแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่
ปิดช่องโหว่ฟอกเงิน "ต่ำกว่า 1 ล้านวอนก็ไม่รอด"
ท่ามกลางความล่าช้าของกฎหมายหลัก ทางการเกาหลีใต้ไม่รอช้าที่จะเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรม โดยเตรียมขยายขอบเขตของ Travel Rule ให้ครอบคลุมธุรกรรมที่มีมูลค่า ต่ำกว่า 1 ล้านวอน (ราว 23,000 บาท) ซึ่งเดิมทีเป็นช่องโหว่ที่อาชญากรใช้เทคนิค “ซอยย่อยธุรกรรม” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบตัวตน
การเลื่อนบังคับใช้กฎหมายไปปี 2569 สะท้อนให้เห็นความละเอียดอ่อนของการรักษาสมดุลระหว่าง “ความมั่นคงทางการเงิน” (ที่แบงก์ชาติห่วงใย) และ “นวัตกรรม” (ที่ FSC ต้องการผลักดัน) แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ เมื่อกฎหมายนี้คลอดออกมา เกาหลีใต้จะเป็นหนึ่งในตลาดคริปโตฯ ที่มีกฎระเบียบรัดกุมและโหดหินที่สุดในโลก


