อุตสาหกรรมขุดบิทคอยน์เตรียมเผชิญบททดสอบสุดหินต้อนรับปี 2569 หลังข้อมูลชี้ ‘Mining Difficulty’ กำลังพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ 149 ล้านล้าน บีบกำไรคนทำเหมืองให้บางเฉียบท่ามกลางต้นทุนที่พุ่งสูง ยักษ์ใหญ่อย่าง ‘Bitmain’ ทนไม่ไหวต้องงัดกลยุทธ์หั่นราคาเครื่องขุดเหลือเพียง 4 ดอลลาร์ต่อเทราแฮชเพื่อระบายของ สวนทางกับมุมมองของนักวิเคราะห์ ‘VanEck’ ที่ชี้ว่าวิกฤตแฮชเรตหดตัวครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณ ‘กลับตัว’ ขาขึ้นครั้งใหญ่ของราคา Bitcoin ในระยะยาว
ขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2569 สัญญาณชีพของเครือข่าย Bitcoin (BTC) กำลังส่งเสียงเตือนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในฝั่งของผู้ผลิต (Miners) เมื่อข้อมูลล่าสุดระบุว่าค่าความยากในการขุด (Mining Difficulty) กำลังจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่บอบช้ำมาจากความผันผวนตลอดปี 2568
กำแพง 149 ล้านล้าน คัดกรองยอดเหมืองขุดอยู่รอดในสมรภูมิ
จากการคำนวณล่าสุดของ CoinWarz ระบุว่า การปรับค่าความยากรอบแรกของปี 2569 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม (ที่ Block Height 931,392) มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 149 ล้านล้าน (Trillion) หลังจากที่ปิดท้ายปี 2568 ด้วยตัวเลข 148.2 ล้านล้าน
สาเหตุของการปรับขึ้นครั้งนี้มาจาก “เวลาเฉลี่ยในการเจอ Block” (Average Block Times) ที่ทำได้เร็วกว่ากำหนด โดยอยู่ที่ประมาณ 9.95 นาที (จากเป้าหมายมาตรฐาน 10 นาที) ซึ่งตามกลไกของระบบ (Protocol) จะต้องทำการปรับความยากขึ้นทุกๆ 2,016 บล็อก หรือประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อชะลอการผลิตเหรียญและรักษาเสถียรภาพของเครือข่ายไม่ให้ใครผูกขาด
สำหรับคนทำเหมือง ตัวเลขที่สูงขึ้นหมายถึงหายนะ เพราะนั่นแปลว่าต้องใช้เครื่องจักรที่แรงขึ้นและผลาญพลังงานมากขึ้นเพื่อแย่งชิงรางวัลเท่าเดิม ในสมรภูมิที่อัตรากำไร (Margin) บางเฉียบอยู่แล้ว การปรับขึ้นครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการคัดกรองผู้เล่นที่สายป่านไม่ยาวพอให้ออกจากตลาดไป
Bitmain ดิ้นสู้ตายหั่นราคา S19 XP+ Hydro เหลือ 4 ดอลล์
แรงกดดันในอุตสาหกรรมสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนผ่านความเคลื่อนไหวของ Bitmain ผู้ผลิตเครื่องขุดเบอร์หนึ่งของโลก ที่ล่าสุดต้องงัดโปรโมชั่น “ลดแลกแจกแถม” ออกมากระตุ้นยอดขาย
เอกสารโปรโมชั่นลงวันที่ 23 ธันวาคม เผยให้เห็นการเสนอขายแพ็กเกจเครื่องขุดรุ่นเรือธง S19 XP+ Hydro จำนวน 4 เครื่อง คู่กับตู้คอนเทนเนอร์ ANTRACK V2 ในราคาที่คำนวณออกมาแล้วเหลือเพียงประมาณ 4 ดอลลาร์ต่อเทราแฮช (J/TH) เท่านั้น สำหรับเครื่องที่มีประสิทธิภาพ 19 J/TH โดยมีกำหนดส่งมอบของในเดือนมกราคม 2569
การยอมหั่นราคาและเร่งล็อกออเดอร์ล่วงหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เองก็กำลังเผชิญภาวะสินค้าล้นสต็อกและต้องการระบายของออกเพื่อรักษาสภาพคล่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของราคาบิทคอยน์
VanEck มองต่างวิกฤตเหมือง = สัญญาณกระทิง
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายในฝั่งต้นทุน นักวิเคราะห์จาก VanEck กลับมองเห็นแสงสว่าง โดยชี้ว่าการที่ Hashrate (กำลังขุดรวม) ปรับตัวลดลง 4% ในช่วงครึ่งเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับราคาเหรียญในอนาคต
“เมื่อเกิดภาวะ Hashrate หดตัว (Compression) ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่า ผลตอบแทนของราคา Bitcoin มักจะเป็นบวกและดีดตัวขึ้นแรงกว่าปกติ”
ทฤษฎีนี้อิงจากพฤติกรรมในอดีตที่ว่า เมื่อเหมืองที่ไม่มีประสิทธิภาพล้มหายตายจากไป (Miner Capitulation) แรงขายในตลาดจะลดลง และเมื่อเครือข่ายเข้าสู่สมดุลใหม่ ราคา Bitcoin มักจะเริ่มฟื้นตัวและเข้าสู่รอบขาขึ้นรอบใหม่เสมอ ดังนั้น ปี 2569 อาจเริ่มต้นด้วยความเจ็บปวดของคนขุด แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นความมั่งคั่งของนักลงทุนที่กล้าสวนกระแส


