ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญ “ฝันร้ายวันคริสต์มาส” เมื่อนักลงทุนสถาบันฝั่งสหรัฐฯ พร้อมใจกันเทขาย Bitcoin ETFs อย่างหนักหน่วง ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกสุทธิกว่า 175 ล้านดอลลาร์ในคืนเดียว รวม 5 วันทำการสูญเงินกว่า 825 ล้านดอลลาร์ ดันสหรัฐฯ ขึ้นแท่น “ผู้ขายเบอร์หนึ่ง” ของโลก สวนทางฝั่งเอเชียที่ตั้งรับ นักวิเคราะห์ชี้เป็นผลจากฤดูกาล “ขายขาดทุนลดหย่อนภาษี” (Tax Loss Harvesting) มั่นใจเป็นปัจจัยชั่วคราว ก่อนแรงซื้อจะกลับมาหนุนตลาดอีกครั้งในปี 2569
บรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางการเงินสำหรับนักเก็งกำไร เมื่อข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า “วอลล์สตรีท” ไม่ได้หยุดพักผ่อน แต่กลับใช้ช่วงเวลาก่อนปิดตลาดวันคริสต์มาสในการ “ระบายของ” ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มกองทุน Spot Bitcoin ETF ที่เผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง
5 วันอันตราย เงินไหลออกเฉียด 3 หมื่นล้านบาท
ข้อมูลจาก Farside Investors บริษัทเพื่อการลงทุนจากอังกฤษ ระบุชัดเจนว่า ในการซื้อขายวันสุดท้ายก่อนวันหยุดคริสต์มาส (Christmas Eve) กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มียอดเงินไหลออกสุทธิ (Net Outflows) สูงถึง 175.3 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขดังกล่าวเป็นการตอกย้ำเทรนด์ขาลงระยะสั้น เมื่อรวมยอด 5 วันทำการย้อนหลัง พบว่ามีเงินทุนไหลออกจากระบบรวมกันมหาศาลถึง 825.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท) โดยนับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม เป็นต้นมา กระดานเทรดเต็มไปด้วย “สีแดง” มีเพียงวันที่ 17 ธันวาคม วันเดียวเท่านั้นที่มีเงินไหลเข้า
‘Tax Loss Harvesting’ กลยุทธ์หนีภาษีของเศรษฐีมะกัน
นักวิเคราะห์ตลาดมองว่า แรงเทขายที่เกิดขึ้นไม่ใช่การ “หนีตาย” จากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนไป แต่เป็นเรื่องของ “ฤดูกาล” (Seasonality) โดยเฉพาะกลยุทธ์ Tax Loss Harvesting หรือการขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนออกไปเพื่อนำมาหักลบกลบหนี้กับกำไร เพื่อลดภาระภาษีประจำปีของนักลงทุนสหรัฐฯ
Alek เทรดเดอร์ชื่อดัง ให้ความเห็นผ่าน X ว่า “แรงขายส่วนใหญ่เกิดจากการปรับพอร์ตเพื่อภาษี ซึ่งกระบวนการนี้จะจบลงภายในหนึ่งสัปดาห์... นี่เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว และสถาบันจะกลับมาไล่ราคา (Bidding) อีกครั้งในเร็วๆ นี้” นอกจากนี้ เหตุการณ์ Options Expiry ครั้งใหญ่ในวันศุกร์ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยง (Risk Appetite) ลงชั่วคราว
Coinbase Premium ติดลบ สัญญาณบ่งชี้ ‘สหรัฐฯ’ คือคนทุบ
สิ่งที่น่าจับตามองในเชิงโครงสร้างตลาด คือดัชนี Coinbase Premium (ส่วนต่างราคาระหว่างคู่เหรียญ BTC/USD บน Coinbase และ BTC/USDT บน Binance) ได้ดำดิ่งลงสู่แดนลบเกือบตลอดเดือนธันวาคม
Ted Pillows นักวิเคราะห์คริปโตฯ สรุปสถานการณ์ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ตอนนี้สหรัฐฯ คือผู้ขายเบอร์หนึ่งของโลก ในขณะที่เอเชียกลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่”
การที่ค่า Premium ติดลบ สะท้อนว่าแรงซื้อจากฝั่งสถาบันสหรัฐฯ (ซึ่งมักใช้ Coinbase) เหือดหายไป และตลาดต้องการแรงซื้อจากจุดนี้กลับคืนมา เพื่อพยุงราคาให้ยืนเหนือระดับสำคัญได้
ส่องปี 2569 สภาพคล่องแค่ ‘หลับ’ ไม่ได้ ‘ตาย’
แม้กราฟระยะสั้นจะดูน่ากังวล แต่ BitBull นักเทรดชั้นนำมองข้ามช็อตไปถึงปี 2569 โดยระบุว่า การที่เม็ดเงินไหลออก (Netflows) ติดลบในเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน ไม่ได้หมายความว่าตลาดจบรอบขาขึ้น (Final Market Tops) เสมอไป
“ราคาต้องนิ่งก่อน จากนั้นกระแสเงินทุนจะกลับมาเป็นกลาง แล้วเงินใหม่ถึงจะไหลเข้า... ข้อมูลตอนนี้ชี้ว่าสภาพคล่องแค่ ‘ไม่เคลื่อนไหว’ (Inactive) ไม่ใช่ ‘ถูกทำลาย’ (Destroyed)”
บทสรุปของสถานการณ์นี้คือ การเปลี่ยนผ่านของเทรนด์ (Trend Change) มักจะเริ่มต้นจากการที่กระแสเงินทุน ETF พลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ก่อนที่ราคาจะดีดตัวแรง ดังนั้น ช่วงเวลานี้จึงเป็นบททดสอบจิตวิทยาครั้งสำคัญ ว่าใครจะ “ทนถือ” ผ่านช่วงเวลาปรับฐานทางภาษีนี้ไปได้ เพื่อรอรับคลื่นลูกใหม่ในปีหน้า


