xs
xsm
sm
md
lg

นักวิเคราะห์ชี้ทองคำลุ้น 8,000 ดอลลาร์ ส่วนบิทคอยน์เป็นโอกาสน่าสะสม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักวิเคราะห์คริปโทเคอร์เรนซีชื่อดัง ผู้ใช้นามแฝง ‘Dave the Wave’ ออกโรงกางกราฟเทคนิคชุดใหญ่ ชี้สัญญาณตลาดกำลังเคลื่อนไหวสอดรับกับโมเดลระยะยาวอย่างสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะ ‘ทองคำ’ ที่ทำลายแนวต้านสำคัญตามทฤษฎี Fibonacci และมีลุ้นทะยานไกลถึง 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ‘Bitcoin’ แม้ราคาจะดูซึมลง แต่แท้จริงแล้วกำลังลงมาทดสอบ ‘ฐานแนวรับเชิงโครงสร้าง’ ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือที่เรียกว่า ‘โซนสะสม’ ตามทฤษฎี Logarithmic Growth Curve ซึ่งเป็นโอกาสทองของนักลงทุนระยะยาว

Dave the Wave นักวิเคราะห์เทคนิคระดับพระกาฬที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) กว่า 1.5 แสนคน ได้ออกมาเปิดเผยบทวิเคราะห์ล่าสุดที่ทำให้นักลงทุนทั้งสายโลหะมีค่าและสายสินทรัพย์ดิจิทัลต้องหูผึ่ง โดยระบุว่าพฤติกรรมราคา (Price Action) ในปัจจุบัน กำลังเดินตามรอยโมเดลทางเทคนิคที่เขาติดตามมาอย่างยาวนานอย่างไม่ผิดเพี้ยน

เป้าหมายทองคำอาจพุ่งแตะ 8,000 ดอลลาร์!

ในส่วนของตลาดทองคำ Dave the Wave ชี้ว่า ราคาทองคำเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (Gold/USD) ได้พุ่งชนเป้าหมายตามทฤษฎี Fibonacci ที่เคยวางไว้นานแล้วได้สำเร็จ ซึ่งในมุมมองทางเทคนิค นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็น “จุดเริ่มต้น” ของการวิ่งรอบใหม่

ที่มา : Dave the Wave บน X
“เป้าหมาย Fibonacci ของทองคำที่วางไว้ตั้งแต่อดีตถูกพิชิตแล้ว...มันมีศักยภาพที่จะวิ่งไปแตะระดับ 8,000 ดอลลาร์ ได้ไม่ยาก” เขากล่าว

ระดับ Fibonacci นี้ได้มาจากสัดส่วนทางคณิตศาสตร์ขั้นสูงที่เทรดเดอร์ทั่วโลกใช้ในการระบุแนวรับแนวต้านและเป้าหมายราคาในอนาคต ซึ่งการที่ราคาทองคำยืนเหนือระดับนี้ได้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเทรนด์ขาขึ้นที่ยังไม่แผ่วลง

ที่มา : Dave the Wave บน X
นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึง “อัตราส่วนทองคำต่อเงิน” (Gold-to-Silver Ratio) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดว่าต้องใช้แร่เงินกี่ออนซ์ในการแลกทองคำ 1 ออนซ์ โดยกราฟแสดงให้เห็นว่าเทรนด์ที่ก่อตัวมาตั้งแต่ปี 2563 ยังคงดำเนินไปตามคาดการณ์ และเดินทางมาได้ถึง 3 ใน 4 ของระยะทางแล้ว ซึ่งเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของตลาดโลหะมีค่าในภาพใหญ่

ยอดดอยบิทคอยน์ในอดีต คือฐานรับในปัจจุบัน

ข้ามมาที่ฝั่งสินทรัพย์ดิจิทัล Dave the Wave ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Bitcoin (BTC) โดยระบุว่า หากมองย้อนกลับไป ราคาที่เป็นจุดสูงสุด (Peak) เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ปัจจุบันได้กลายสภาพมาเป็น “โซนสะสม” (Accumulation Zone) ภายใต้โมเดล Logarithmic Growth Curve (LGC)

ที่มา : Dave the Wave บน X
โมเดล LGC นี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์ราคา Bitcoin ในสเกลอัลกอริทึม ซึ่งจะสะท้อนการเติบโตที่ค่อยเป็นค่อยไป (Slowing Growth) ตามวุฒิภาวะของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น แทนที่จะดูความผันผวนระยะสั้น โมเดลนี้ช่วยให้นักลงทุนมองเห็น “แนวรับเชิงโครงสร้าง” (Structural Support) ในภาพกว้าง

นั่นหมายความว่า การปรับฐานของราคา Bitcoin ในปัจจุบัน ไม่ใช่สัญญาณของการพังทลาย แต่เป็นการลงมาทดสอบฐานราคาที่แข็งแกร่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของสินทรัพย์ที่กำลังก้าวผ่านช่วงเก็งกำไรไปสู่ความยั่งยืน