วงการตลาดทุนลุกเป็นไฟ! ‘กรณ์ จาติกวณิช’ อดีตขุนคลัง โพสต์เฟซบุ๊กทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ แฉเบื้องลึกความเคลื่อนไหวผิดปกติในตลาดหุ้นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ชี้เป้า ‘แก๊งฟอกเงินข้ามชาติ’ กำลังเร่งระบายของผ่าน ‘บัญชีนอมินี’ หวังขนเงินหนีออกนอกประเทศ จี้ ก.ล.ต. อย่ามัวแต่ตั้งรับ ต้องรีบสกัด 7 หุ้นอันตราย ก่อนแมงเม่าจะตกเป็นเหยื่อ หรือกลายเป็นแพะรับบาป!
กลายเป็นประเด็นร้อนที่สั่นสะเทือนวงการตลาดหุ้นไทยทันที เมื่อ กรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ออกมาโพสต์ข้อความดุเดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดโปงกระบวนการ “ไซฟ่อนเงิน” ออกจากตลาดหุ้นไทย โดยระบุว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนสีเทาและแก๊งฟอกเงิน ที่กำลังฉวยโอกาสช่วงชุลมุนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเทขายหุ้นทิ้งและขนเงินหนี
จับพิรุธ ‘นอมินี’ ด่านหน้าฟอกเงิน
กรณ์ ชี้เป้าไปที่จุดบอดสำคัญของระบบตรวจสอบ นั่นคือการใช้ “นอมินี” (Nominee) หรือตัวแทนอำพรางในการถือหุ้น ทำให้หุ้นเหล่านี้รอดพ้นจากการถูกอายัดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และกลายเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ในการ “แคชเอาต์” (Cash Out) เงินสกปรกออกจากระบบ เพื่อนำไปใช้เคลื่อนไหวในช่วงเลือกตั้งหรือหอบเงินหนีไปต่างประเทศ
คนไทย ‘ขายชาติ’ เปิดประตูให้โจร
อดีต รมว.คลัง ย้ำจุดยืนเดิมว่า อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากปราศจาก “คนไทย” ที่ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ คอยอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้ามาฟอกเงินในระบบเศรษฐกิจไทย ดังนั้น ก.ล.ต. ต้องไม่จัดการแค่ปลายเหตุ แต่ต้องลากคอผู้ร่วมขบวนการทุกคนมาลงโทษให้ได้
ขีดเส้นตาย ก.ล.ต. ต้อง Proactive ก่อนสายเกินแก้
ข้อเสนอเร่งด่วนที่ กรณ์ ส่งตรงถึงหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คือต้องเลิกทำงานเชิงรับ และหันมา “รุกฆาต” ทันที โดยมี 3 มาตรการด่วนที่ต้องทำ เช่น
1.ขึ้นป้ายเตือน ‘7 หุ้นอันตราย’ : ก.ล.ต. ต้องประกาศให้ชัดเจนว่ามี 7 บริษัทจดทะเบียนที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพื่อให้นักลงทุนระมัดระวังตัว
2.ขู่ฟัน ‘คนรับของโจร’ : ต้องสื่อสารไปยังนักลงทุน โดยเฉพาะรายใหญ่ที่จะเข้ามารับซื้อหุ้นล็อตใหญ่ (Big Lot) ว่าการกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกตีความว่า “สมรู้ร่วมคิดกับโจร” หรือมีความผิดฐานรับของโจรและฟอกเงิน
3.ตัดท่อน้ำเลี้ยง : การประกาศเตือนจะช่วยสกัดไม่ให้ Scammer หาคนมารับช่วงต่อได้ง่ายๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดประตูตีแมว ไม่ให้เงินรั่วไหลออกนอกประเทศ
ทั้งนี้คำเตือนของ กรณ์ จาติกวณิช ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึง “ช่องโหว่” ขนาดใหญ่ในตลาดทุนไทย ที่กลุ่มทุนเทาใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน หาก ก.ล.ต. ยังขยับตัวช้า ปล่อยให้มีการเทขายหุ้นจนเสร็จสิ้น ความเสียหายอาจไม่ได้ตกอยู่แค่ที่นักลงทุนรายย่อย แต่คือความน่าเชื่อถือของระบบเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ!


