xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์ดันกฎหมาย "Clarity Act" จัดระเบียบคริปโตสหรัฐฯ ชี้ชะตามกราคมนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สัญญาณชัดจากทำเนียบขาว! ‘David Sacks’ ซาร์ด้าน AI และคริปโตฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์ ออกโรงยืนยัน มกราคมนี้เตรียมชงร่างกฎหมาย ‘Clarity Act’ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ (Markup) หวังเป็นกฎหมายแม่บทจัดระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งประวัติศาสตร์ แยกแยะชัดเจนระหว่าง ‘สินค้าดิจิทัล’ และ ‘หลักทรัพย์’ เพื่อยุติสงครามแย่งชิงอำนาจกำกับดูแล พร้อมปูพรมแดงให้อเมริกากลับมาเป็นผู้นำนวัตกรรม

วงการคริปโทเคอร์เรนซีสหรัฐฯ เตรียมรับแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ เมื่อ เดวิด แซคส์ (David Sacks) ผู้ดำรงตำแหน่ง “ซาร์” (Czar) หรือหัวหน้าทีมเฉพาะกิจด้าน AI และคริปโตฯ ของทำเนียบขาว ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าสำคัญผ่านการหารือร่วมกับแกนนำสภาสูงและสภาล่าง ว่าร่างกฎหมาย Clarity Act ที่ทุกคนรอคอย กำลังจะถูกนำเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม (Markup) ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

ผนึกกำลัง 2 สภา "ปิดจ็อบ" ตามใบสั่ง ‘ทรัมป์’

แซคส์ระบุว่า เขาได้หารือสายตรงกับประธานคณะกรรมาธิการวุฒิสภาอย่างทิม สกอตต์ (Tim Scott) และ จอห์น บูซแมน (John Boozman) รวมถึงแกนนำสภาผู้แทนราษฎรอย่าง เฟรนช์ ฮิลล์ (French Hill) และ เกล็น ทอมป์สัน (Glenn Thompson) ซึ่งทั้งหมดต่างยืนยันความพร้อมที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้สำเร็จตามความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้สหรัฐฯ มีกฎหมายโครงสร้างตลาดคริปโตฯ ที่ชัดเจนเป็นครั้งแรก

“ขอบคุณความเป็นผู้นำของพวกเขา...เราเข้าใกล้เส้นชัยกว่าที่เคยในการผ่านกฎหมายโครงสร้างตลาดคริปโตฯ ครั้งประวัติศาสตร์...เราตั้งตารอที่จะปิดจ็อบงานนี้ให้สำเร็จในเดือนมกราคม!” แซคส์กล่าวอย่างมั่นใจ

Clarity Act ผ่าตัดโครงสร้างอำนาจ

หัวใจสำคัญของร่างกฎหมาย Clarity Act คือการแก้ปัญหาคาราคาซังเรื่อง “ความคลุมเครือ” ในการกำกับดูแล โดยกฎหมายจะทำหน้าที่ชัดเจนขึ้น ได้แก่

1.แบ่งแยกประเภทสินทรัพย์ : กำหนดนิยามที่ชัดเจนว่าสินทรัพย์ใดถือเป็น “สินค้าดิจิทัล” (Digital Commodities) เช่น Bitcoin และสินทรัพย์ใดถือเป็น “หลักทรัพย์” (Securities)

2.ยุติศึกเกาเหลาหน่วยงานรัฐ : แบ่งเขตอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาดระหว่างคณะกรรมาธิการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) และ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อไม่ให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่ซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกัน

ชูธงเป้าหมายนวัตกรรมนำหน้า-คุ้มครองผู้บริโภคตามหลัง

กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การควบคุม แต่มีเป้าหมายเพื่อสร้าง “เส้นทางสู่นวัตกรรม” (New Pathways for Innovation) เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฟ้องร้องภายหลัง ในขณะเดียวกันก็วางเกราะป้องกันผู้บริโภคผ่านกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับการเทรด การเปิดเผยข้อมูล และการขึ้นทะเบียนของผู้เล่นในตลาดอย่างกระดานเทรดและนายหน้า (Brokers)

อย่างไรก็ดีเดือนมกราคมนี้จะเป็นเดือนที่ร้อนระอุที่สุดของสภาคองเกรส หาก Clarity Act ผ่านฉลุย นี่จะเป็นการปลดล็อกพันธนาการที่ฉุดรั้งอุตสาหกรรมคริปโต ฯ สหรัฐ ฯ มายาวนาน และเปลี่ยนอเมริกาให้กลายเป็น “Safe Haven” ของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง