นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ธ.ค.68 อยู่ที่ 75.42 ปรับเพิ่มขึ้นขึ้น 1.07 จุด หรือคิดเป็น 1.43% จากระดับ 74.35% ในเดือน พ.ย.68 โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย แรงซื้อเก็งกำไร และแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ
โดยคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ธ.ค.68 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 325 ราย ในจำนวนนี้มี 115 ราย หรือ 36% คาดว่าจะซื้อทองคำ ส่วน 108 ราย หรือ 33% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ และ 102 ราย หรือ 31% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
สรุปกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 12 ราย ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือ 50% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ธ.ค.68 จะเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่คาดว่าราคาทองคำจะปรับลดลง และคาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาในเดือน พ.ย.68 มีจำนวนกลุ่มละ 3 ราย หรือเทียบเป็น 25% เท่ากัน
สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน ธ.ค.68 ของผู้ค้าทองรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 4,120-4,353 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 62,500-65,600 บาท/บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 30.89-32.80 บาท/ดอลลาร์
ในเดือน ธ.ค.68 แนวโน้มของทิศทางราคาทองคำยังคงผันผวน แต่อาจมีสัญญาณของแรงซื้อกลับเมื่อราคาย่อตัว แนะกลยุทธ์รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาปรับฐานลงมา และติดตามการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อดูความชัดเจนก่อนตัดสินใจเพิ่มเติม ในทางกลับกันหากราคาทองปรับเพิ่มขึ้นควรทยอยขายทำกำไรบางส่วน โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัว หรือมีแรงขายกลับเข้ามา เนื่องจากตลาดในช่วงปลายปีมักได้รับผลกระทบจากสภาพคล่องที่ลดลง และข่าวสำคัญทางด้านเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจทำให้เกิดการแกว่งตัวของราคาทองคำมากกว่าปกติ ทั้งนี้ควรวางแผนบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง


