xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีเอเชียแห่ลงทุนคริปโต พลิกมุมมองจากเก็งกำไรสู่สินทรัพย์มรดก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัล ‘Sygnum’ เผยผลสำรวจสุดเซอร์ไพรส์ เศรษฐีเอเชียแปซิฟิกเกือบครึ่งแห่จัดสรรเงินลงทุนเกิน 10% ของพอร์ตเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ พลิกมุมมองจาก “สินทรัพย์เก็งกำไร” สู่ “เครื่องมือส่งต่อมรดก” ชี้เทรนด์ปี 2568 เน้นกระจายความเสี่ยงและรอคอย ETF รูปแบบใหม่ที่มี Staking Yield พร้อมเผยชื่อเหรียญขวัญใจรายใหญ่ ‘Solana’ มาแรงแซงทางโค้ง ท่ามกลางความเชื่อมั่นว่าวัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่กำลังก่อตัวใน 2-5 ปีข้างหน้า

Sygnum ธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำสัญชาติสวิส-สิงคโปร์ ได้เปิดเผยรายงาน APAC HNWI Report 2025 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth Individuals - HNWI) และนักลงทุนสถาบันกว่า 270 รายใน 10 ตลาดสำคัญทั่วเอเชียแปซิฟิก รวมถึง สิงคโปร์, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้ และไทย ผลสำรวจได้สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (Structural Shift) ที่น่าจับตามอง เมื่อกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงเริ่มมองสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

จาก ‘ของเล่น’ สู่ ‘สินทรัพย์หลัก’ (Core Allocation)

รายงานระบุตัวเลขที่น่าตกใจว่า 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้ว และเกือบครึ่งหนึ่งของผู้มีความมั่งคั่งสูงในภูมิภาคนี้ ได้จัดสรรเงินลงทุน มากกว่า 10% ของพอร์ตโฟลิโอเข้าสู่โลกคริปโทฯ โดยมีค่ามัธยฐานการถือครองอยู่ที่ช่วง 10-20% และค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 17%

ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า คริปโทเคอร์เรนซีได้ยกระดับสถานะจากการเป็นเพียง “การเดิมพันข้างเคียง” (Side Bet) ขึ้นมาเทียบชั้นกับสินทรัพย์หลักอย่างหุ้น (Equities) และตลาดหุ้นนอกตลาด (Private Markets) ในพอร์ตการลงทุนของเศรษฐีเอเชียอย่างสมบูรณ์

เปลี่ยนเกม ไม่ใช่แค่กำไร แต่คือ ‘มรดก’

แรงจูงใจในการลงทุนได้เปลี่ยนทิศทางจากความโลภในการเก็งกำไรระยะสั้น ไปสู่ความยั่งยืนระยะยาว โดย 90% ของนักลงทุนกลุ่ม HNWI มองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการ “รักษามูลค่าความมั่งคั่ง” (Wealth Preservation) และการวางแผน “ส่งต่อมรดก” (Legacy Planning) ให้กับลูกหลาน

นอกจากนี้ การกระจายความเสี่ยง (Diversification) กลายเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุนถึง 56% ซึ่งสะท้อนว่าพวกเขามองคริปโทฯ เป็น “สินทรัพย์ทางเลือกใหม่” (Alternative Asset Class) ที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับพอร์ตโฟลิโอ

ที่มา : Sygnum
มองข้ามช็อต 5 ปี รอเก็บเกี่ยว Bull Run

ความเชื่อมั่นต่อตลาดยังคงแข็งแกร่ง โดย 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุน” ในอนาคต ขณะที่ 57% ของกลุ่ม HNWI และ 61% ของกลุ่มอภิมหาเศรษฐี (Ultra-HNWI) มีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากในระยะยาว โดยคาดการณ์ว่าวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ (Strong Cycle) ครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในช่วง 2 ถึง 5 ปีข้างหน้า ไม่ใช่การเก็งกำไรรายสัปดาห์

‘Solana-ETF’ ดาวเด่นที่รายใหญ่ถวิลหา

ในแง่ของความต้องการผลิตภัณฑ์ (Product Preferences) นอกเหนือจากเหรียญหลักอย่าง Bitcoin และ Ethereum แล้ว ผลสำรวจพบว่า 80% ของนักลงทุนเรียกร้องให้มีกองทุน Crypto ETF ที่หลากหลายมากขึ้น โดยเหรียญที่มาแรงที่สุดคือ Solana (SOL) ซึ่งดึงดูดความต้องการได้สูงถึง 52%

นอกจากนี้ นักลงทุนกว่า 70% ยืนยันว่าพร้อมที่จะลงทุนเพิ่ม หากมีการนำผลตอบแทนจากการ Staking (Staking Yield) เข้าไปรวมอยู่ในโครงสร้างของกองทุน ETF ซึ่งสะท้อนความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีการกำกับดูแลและสร้างกระแสเงินสดได้เหมือนพันธบัตร

ที่มา : Sygnum
ความปลอดภัยคือกุญแจ โจทย์ใหญ่ไพรเวทแบงก์

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่ยังฉุดรั้งเม็ดเงินบางส่วนคือเรื่อง “ความปลอดภัย” โดย 2 ใน 3 ของนักลงทุนระบุว่าต้องการเห็นมาตรฐานการเก็บรักษาทรัพย์สิน (Custody) และความปลอดภัยที่เข้มข้นจากธนาคารส่วนตัว (Private Bank) ก่อนที่จะกล้าเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

เจอรัลด์ โก (Gerald Goh) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Sygnum ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลได้ฝังรากลึกอยู่ในระบบนิเวศความมั่งคั่งส่วนบุคคลของเอเชียแปซิฟิกอย่างมั่นคงแล้ว” พร้อมชี้ว่าความชัดเจนด้านกฎระเบียบในสิงคโปร์และฮ่องกง จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ผลักดันให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นเกตเวย์หลักของสินทรัพย์ดิจิทัลโลกต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569