แม้ตลาดคริปโตเหวี่ยงแรงต่อเนื่อง แต่สถาบันการเงินกลับเร่งเข้าถือสินทรัพย์โลกจริงบนบล็อกเชน ทำให้ RWA พุ่งทะลุ 35,000 ล้านดอลลาร์ โยกโครงสร้างการเงินโลกสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว
ตลาดคริปโตยังคงสะท้อนความผันผวนรุนแรง ทั้งราคาเหวี่ยง ลิเควิดิตี้วนสลับ และเทรนด์หมุนเร็ว แต่ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนเหล่านี้ นักลงทุนสถาบันกลับเดินเกมสวนตลาดอย่างมั่นคง โดยทุ่มเงินเพิ่มน้ำหนักเข้าสู่สินทรัพย์โลกจริงบนบล็อกเชน (Real-World Assets: RWA) ซึ่งกำลังกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของการปฏิวัติระบบการเงินสมัยใหม่
ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม rwa.xyz ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์จริงบนเชนทะลุ 35.67 พันล้านดอลลาร์ (ไม่รวมสเตเบิลคอยน์) โดยพอร์ตยอดนิยมยังคงเป็น “เครดิตเอกชนแบบโทเคนไอซ์” และ “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ” ซึ่งกลายเป็นสินทรัพย์ทำกำไรที่นักลงทุนสถาบันแห่เข้าถือครอง
ขณะที่โฆษกของ BNB Chain ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ Cryptonews ว่า RWA บนเครือข่ายเติบโตอย่างร้อนแรงจาก 5 ล้านดอลลาร์สู่ 1 พันล้านดอลลาร์ในปีเดียว นำโดยโครงการจากยักษ์ใหญ่สถาบันดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น Circle (USYC), BlackRock (BUIDL), Franklin Templeton (BENJI), VanEck (VBILL), Qatar National Bank (QCDT) และ China Merchant Bank (CMBMINT) ซึ่งต่างเปิดตัวผลิตภัณฑ์ RWA บน BNB Chain แล้วอย่างเต็มรูปแบบ
แรงโมเมนตัมนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอ รายงาน McKinsey & Company เดือนมิถุนายน 2567 คาดการณ์ว่าตลาด RWA ทั่วโลกอาจพุ่งแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573
ความผันผวนระยะสั้น ไม่อาจหยุดเมกะเทรนด์ระยะยาว
แม้ราคาเหวี่ยงจะทำให้นักเทรดรายย่อยใจไม่ดี แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกลับมองว่าการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการเงินทั่วโลกจะเป็นแรงผลักดันหลักให้ตลาด RWA เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซาร่า ซอง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ BNB Chain ระบุว่า มูลค่า TVL ของ RWA บนเชนเติบโตต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 และเป็นกระแสคู่ขนานกับการเติบโตของสเตเบิลคอยน์ รวมถึงความต้องการกระจายการลงทุนแบบดิจิทัล
เธอย้ำว่า "นักลงทุนสามารถสลับสินทรัพย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงบนเชน โดยเลือกความเสี่ยงตามสภาวะตลาดได้ทันที" ทำให้โครงสร้างการลงทุนแบบใหม่ตั้งแต่สินทรัพย์ดั้งเดิมไปจนถึงคริปโตเนทีฟเกิดขึ้นอย่างไร้รอยต่อ
แม้ตลาดคริปโตจะเข้าสู่ช่วงสงบ การเติบโตของสินทรัพย์ที่ให้กระแสเงินสดจริงกลับยังแข็งแกร่ง ทำให้ RWA กลายเป็นเซกเมนต์ที่ทนทานที่สุดในอุตสาหกรรม
ทำไมโลกจริงกำลังย้ายขึ้นเชน?
ไมค์ แม็คคลอสกีย์ ซีอีโอของ Sologenic เปรียบการเติบโตของ RWA ในตอนนี้ว่า "เหมือนยุคแรกของอินเทอร์เน็ต" ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล
เขาระบุว่า “สิ่งที่เราเห็นคือจุดเริ่มต้นของกราฟการเติบโตแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล ในอนาคตอันใกล้ สินทรัพย์ทุกประเภทจะมีโทเคนแทนค่าที่เชื่อมกับมูลค่าจริงในโลก"
จุดเด่นของตลาดตอนนี้คือการโทเคนไอซ์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีกฎระเบียบชัดเจน ทำให้สถาบันกล้าเข้าถือครองและทดลองโมเดลใหม่มากขึ้น
Sologenic ยังเดินหน้าโทเคนไอซ์หุ้น ทำให้สินทรัพย์ดั้งเดิมเหล่านี้ถูกซื้อขายผ่านวอลเล็ตคริปโตได้โดยตรง เป็นการเปิดประตูสู่การเข้าถึงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ด้าน บิล บาร์ไฮน์ ซีอีโอของ Abra เสริมว่า L1 รุ่นใหม่อย่าง Solana และ SUI แสดงศักยภาพด้านการประมวลผลธุรกรรมที่เร็วและเสถียร จนเริ่มท้าทายระบบการเงินแบบมอนอลิธิกเดิม
รายงานจาก Messari ระบุว่า Solana มีมูลค่า RWA บนเชนกว่า 418.1 ล้านดอลลาร์ โดยสินทรัพย์ประเภทให้ผลตอบแทน เช่น OUSG และ USDY จาก Ondo Finance ถือเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุด
นอกจากนี้ เดฟ เฮนดริก ซีอีโอของ Vertalo ยังเปิดเผยถึงยูสเคสใหม่อย่าง "Venture Asset Treasuries (VAT)" ซึ่งต่างจากทรัพย์สินที่ค้ำด้วยคริปโต (DAT) เพราะอ้างอิงสินทรัพย์จริงที่บริหารเชิงรุกและเพิ่มมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง
กฎระเบียบเริ่มเปิดทาง แต่ความท้าทายยังไม่หมด
แม้ตลาดจะผันผวน แต่ผู้กำกับดูแลทั่วโลกกำลังเร่งปรับกฎระเบียบเกี่ยวกับ RWA ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการดูแลสินทรัพย์ การเปิดเผยข้อมูล ไปจนถึงโครงสร้างสเตเบิลคอยน์
เฮนดริก ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ผู้นำใหม่ของ SEC และ CFTC ทำให้ทิศทางชัดเจนขึ้น พร้อมยกตัวอย่างการผลักดันกฎหมาย Genius Act, รายงาน Digital Assets Working Group ของทำเนียบขาว รวมถึงกฎหมาย Clarity Act และ Responsible Financial Innovations Act ที่คาดว่าจะผ่านในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม สเตซี่ วาร์เดน ซีอีโอของ Algorand Foundation เตือนว่าภูมิทัศน์กฎระเบียบยังแตกต่างกันมากในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ทำให้การออกผลิตภัณฑ์เดียวแบบทั่วโลกทำได้ยาก โดยเฉพาะกับธนาคาร
เธอชี้ว่ายังมีความท้าทายเรื่อง interoperability ของบล็อกเชน การจัดเก็บ การบัญชี และระบบบริหารความเสี่ยง ซึ่งยังมีต้นทุนสูง และไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริงของสถาบันใหญ่
อนาคต "RWA" เติบโตต่อเนื่องแม้ตลาดเหวี่ยงแรง
แม้เส้นทางจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กระแสเงินทุนที่หลั่งไหลสู่ RWA สะท้อนชัดว่า นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญกับ “ประโยชน์จริง” มากกว่าเสียงรบกวนของตลาดคริปโตระยะสั้น
แม็คคลอสกีย์ ระบุว่า ถึงกฎระเบียบจะเดินช้า แต่ทุนสถาบันได้เคลื่อนขึ้นเชนแล้วผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง BUIDL ของ BlackRock และกองทุนของ Franklin Templeton ซึ่งถือเป็นหลักฐานว่าการเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและดิจิทัลเกิดขึ้นจริง
สรุปแล้ว RWA ไม่ใช่แค่แนวคิดในเชิงทฤษฎีอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นสะพานสำคัญที่เชื่อมทุนดั้งเดิมสู่โลกคริปโต และอาจเป็นด่านที่เร่งให้บล็อกเชนเข้าสู่การยอมรับในระดับสากลในที่สุด


