“ ฐิติกร ” แจ้งผลงานไตรมาส3 มีรายได้ 206.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8.0 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 695.4 ล้านบาท โดยมีพอร์ตลูกหนี้เช่าซื้อ–กู้ยืมสุทธิรวม 1,618 ล้านบาท มองเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้โครงการ “คนละครึ่ง” จะช่วยพยุงกำลังซื้อระยะสั้น แต่ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงยังจำกัดการชำระหนี้ของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ธปท. เริ่มกำกับธุรกิจเช่าซื้อให้ผู้ประกอบการรายงานตัวตามเกณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ TK ยังคงถือเงินสด เงินฝากธนาคาร และเงินลงทุน 3,545.6 ล้านบาท เตรียมปิดปี 2568 ด้วยการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างรอบคอบ
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3/2568 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย TK มีรายได้ 206.2 ล้านบาท ลดลง 28.5% จาก 288.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ8.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 249% จากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 5.4 ล้านบาท ไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา รายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 695.4 ล้านบาท ลดลง 29.3%จาก 983.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 98.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 429.8% จากขาดทุนสุทธิ 30 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ปีนี้ TK เร่งตัดหนี้สูญพิเศษ 38.2 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มีรายการพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิของ TK ในไตรมาส 3 และรวม 9 เดือน จะเพิ่มเป็น 46.2 ล้านบาท และ 137.1 ล้านบาท ตามลำดับ
ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไตรมาส 3/2568จำนวน 414,514 คัน เพิ่มขึ้น 4.28% จาก 397,488 คัน ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 9 เดือนแรก ปี 2568 จำนวน 1,332,199 คัน เพิ่มขึ้น 2.35% จาก 1,301,631 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ ไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 145,275 คัน เพิ่มขึ้น11.21% จาก 130,632 คัน ยอดจำหน่ายรถยนต์ 9 เดือนแรก ปี 2568 มีจำนวน 447,969 คัน เพิ่มขึ้น 2.12% จาก 438,659 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
TK ได้ดำเนินงานโดยใช้กลยุทธ์การขยายพอร์ตสินเชื่อด้วยความระมัดระวังและเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เน้นการเติบโตที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนด้านการบริหารงานภายในองค์กร เน้นการบริหารต้นทุนต่าง ๆ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่คงรักษาสถานะเงินสดให้พร้อมขยายธุรกิจได้ทันที โดย ณ ไตรมาส 3/2568 TK มีเงินสด เงินฝาก และเงินลงทุนที่ 3,545.6 ล้านบาท อีกทั้ง D/E ณ ไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 0.05 เท่า ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2567 ที่ 0.08 เท่า
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวว่า ณ ไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม1,617.5 ล้านบาท ลดลง 18.9% จาก 1,994.5ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศลดลงมาอยู่ที่ระดับ 923.3 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยในกัมพูชา มีลูกหนี้รวม 769.6 ล้านบาท ลดลง3.3% จาก 796.1 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ใน สปป.ลาว มีลูกหนี้ 153.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จาก 148.7 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ด้านคุณภาพลูกหนี้ของบริษัทฯ มีลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 6.7% ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับคุณภาพลูกหนี้สิ้นปี 2567 ที่ 7.0%
“สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาส 3/2568 เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวที่ลดลง แต่การส่งออกยังเติบโตได้ดี ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 นี้ เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้โครงการภาครัฐอย่าง “คนละครึ่ง” จะช่วยพยุงกำลังซื้อระยะสั้น แต่ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงยังคงจำกัดความสามารถในการชำระหนี้ ส่งผลให้ธุรกิจเช่าซื้อต้องใช้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกันการเข้ากำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เริ่มให้ผู้ประกอบการรายงานตัวตามเกณฑ์ใหม่ ทำให้อุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัวในการดำเนินงาน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัญหาสงครามที่ยังยืดเยื้อ ที่จะกดดันให้เศรษฐกิจทั้งในประเทศและในระดับโลกเปราะบางและชะลอตัว อย่างไรก็ตาม TK เตรียมพร้อมปรับการดำเนินงานและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยถือเงินสดในมือให้เพียงพอตลอดเวลา” นายประพลกล่าว
ด้านการปรับการดำเนินงานให้สอดรับกับการเข้ากำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยทาง TK ได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลทุกด้าน โดยเฉพาะการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 ปี 2568 ในส่วนของธุรกิจเช่าซื้อซึ่งเป็นธุรกิจหลัก TK มีแผนดำเนินงาน ด้วยการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและเน้นประสิทธิภาพในการดำเนินงานนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินกลยุทธ์สร้างการเติบโตจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนให้สูงขึ้น ด้วยบริการสินเชื่อประเภทอื่น อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร สินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อจำนำทะเบียน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์รวมทั้งสร้างการเติบโตของธุรกิจเช่าซื้อที่ TK มีความเชี่ยวชาญทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ


