ตลาดหุ้นเอเชียเผชิญกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกอย่างหนักในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ย. เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งสูง และความไม่แน่นอนว่าภาวะตลาดขาขึ้นที่ดำเนินมาอย่างยาวนานจะไปต่อได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี แม้ความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคที่อยู่ในระดับสูงได้กระตุ้นให้เกิดความผันผวน แต่ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งชี้ให้เห็นว่าระดับราคาในปัจจุบันยังสมเหตุสมผล
ข้อมูลที่รวบรวมโดย LSEG แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมมูลค่าประมาณ 1.018 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งกลับทิศจากเดือนต.ค. ที่มียอดซื้อสุทธิ 2.28 พันล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีเงินทุนต่างชาติไหลออกสุทธิประมาณ 5.05 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่เป็นยอดซื้อสุทธิ 4.21 พันล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันมียอดขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติ 3.86 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ายอดเงินไหลออก 3.21 พันล้านดอลลาร์ตลอดทั้งเดือนต.ค. โดยนักวิเคราะห์เปิดเผยว่า เงินทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวันมีสาเหตุหลักมาจากการอ่อนตัวของบริษัทชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งสอดคล้องกับแรงกดดันจากตลาดโลก เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นอินเดียมีเงินทุนต่างชาติไหลออกสุทธิ 1.42 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่เคยดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้ 1.66 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. โดยปัจจุบัน อินเดียเป็นตลาดที่ถูกลดน้ำหนักการลงทุนในพอร์ตของกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (GEM) แต่อินเดียก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีในการป้องกันความเสี่ยง (hedge) และช่วยกระจายการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจกับภาวะกระทิงของหุ้นกลุ่ม AI ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า อินเดียจะกลายเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลหากมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าสู่ภูมิภาคตลาดเกิดใหม่
สำหรับตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค หุ้นเวียดนามและไทยมีเงินทุนต่างชาติไหลออก 95 ล้านดอลลาร์ และ 40 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ในทางกลับกัน อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ยังคงดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้ 207 ล้านดอลลาร์ และ 77 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ในสัปดาห์ก่อนหน้า


