นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวในพิธีเปิดโครงการ"ปิดหนี้ไว ไปต่อได้"ว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคการเงินไทย ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริบริหารสินทรัพย์ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจให้สามารถกลับเข้ามาตั้งหลักทางการเงินได้อีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยเจอกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจนกลายภาระหนักของครัวเรือนจำนวนมาก ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด มีทั้งที่มีเจ้าหนี้รายเดียวและมีเจ้าหนี้หลายราย ทั้งที่่มีและไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบของเครดิตบูโร ถูกจำกัดโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้ ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่เพียงกระทบความเป็นอยู่ของครอบครัวนั้นๆ แต่ยังกระทบถึงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจด้วย สมาคมธนาคารและธนาคารสมาชิกตระหนักดีกว่าการแก้ไขปัญห่าหนี้ครัวเรือนไม่ใช่ภารกิจของสถาบันการเงินใดสถาบันการเงินหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมกันของทั้งประเทศสอดคล้องกับการทำงานของ Reinvent Thailand จึงได้ร่วมมือกับรัฐบาล กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่โครงการ คุณสู่้ เราช่วย ที่มุ่งรักษาบ้านและรถเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพ มาจนถึงวันนี้ที่่เราพร้อมขยายความช่วยเหลือสู่ลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกันผ่านกลไก AMC
ทั้งนี้ โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายชัดเจนคือ ช่วยลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพ ให้มีโอกาสเริ่มต้นหใม่อีกครั้งหนึ่ง ช่วยลดภาระหนี้ ปรับประวัติให้เครดิตบูโรให้ดีขึ้น และสามารถกลับเข้าสู่สินเชื่อในระบบได้ในอนาคตตามแนวทาง Responsible Lending และ Market Conduct อย่างครอบคลุม ทั่วถึง และเท่าเทียม โดยแหล่งเงินทุนของโครงการนี้มาจากส่วนที่เหลือจากโครงการคุณสู้ เราช่วย และเงินลงทุนของ AMC เอง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการรวมพลังภาครัฐและเอกชนเพื่อเป็นกลไกการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ไม่สร้างภาระต่อระบบการเงิน ที่สำคัญไม่เกิด Moral Hazard ในระบบในระยะยาว
สำหรับในระยะแรกดำเนินในส่วนของลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิก NCB ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และคาดหวังว่าในระยะต่อไปจะขยายไปถึงลูกหนี้ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงินที่ยังไม่อยู่ในสมาชิกของ NCB รวมถึงลูกหนี้ที่อยู่กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์อื่นเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปได้ครอบคลุมขึ้น
**SAMเปิด2แนวทางรองรับ**
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าว่า สำหรบมาตรการดังกล่าว SAM ได้เตรียมมาตรการรองรับการโอนย้ายหนี้ในวันที่ 1มกราคม 2569 ไว้ 2 แนวทางลักได้แก่ แนวทาง "จ่ายปิดจบ" โดยลดดอกเบี้ย-เงินต้นในระดับหนึ่ง หากลูกหนี้สามารถจ่ายได้ก็จะปิดจบหนี้และเปลี่ยนสถานะในเครดิตบูโร ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้มีโอกาสกลับเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น และอีกแนวทางเป็นการผ่อนจ่าย 36 ปีตามโครงการ 3 ปี โดยจะมีการแขวนดอกเบี้ยไว้ให้ลูกหนี้ชำระเฉพาะเงินต้นในระด้บที่จ่ายไหว และหากผ่อนชำระเงินต้นสม่ำเสมอจะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยที่แขวนไว้ และสามารถปิดจบได้ก่อนระยะเวลา ขณะเดียวกัน หากลูกหนี้มาเข้าโครงการช้าก็จะต้องมีวงเงินต่อเดือนที่ต้องจ่ายสูงขึ้น โดยจะเริ่มรับลงทะเบียนเข้าร่วมในวันที่ 5 มกราคม 2569 หลังจากรับโอนมาจากสถาบันการเงินแล้ว
ทั้งนี้ การที่ลูกหนี้จะเลือกมาตรการไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของลูกหนี้เป็นสำคัญ หากมีสภาพคล่องที่ดีการเลือกมาตรการ"จ่ายปิดจบ"จะได้รับประโยชน์ที่ดีกว่า แต่หากสภาพคล่องยังไม่ดีสามารถใช้มาตรการผ่อนชำระได้ ซึ่งเมื่อเริ่มเข้าโครงการสถานะในรายงานเครดิตบูโรจะเปลี่ยนไป เมื่อเริ่มผ่อนชำระหนี้สถานะในรายงานเครดิตบูโรก็จะเปลี่ยนไป และเมื่อผ่อนชำระหมดก็สถานะในรายงานเครดิตบูโรก็จะเป็นปกติและสามารถเข้าสู่สินเชื่อได้
"บทบาทของ SAM ที่จะเปลี่ยนเป็น Social AMC นั้น ก็จะมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่าง เป็นมิตร โปร่งใส เป็นธรรม ซึ่งภารกิจของ SAM นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ขปัญหาหนี้ในเชิงโครงสร้างอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2543 ที่โอนหนี้กรุงไทยมาประมาณ 5 แสนล้านบาท การรับโอนหนี้มาจากการปิดบสท.ใน 2555 และในปี 2560 ธปท.มอบหมายให้ดูแลคิลนิกแก้หนี้ ซึ่งแนวทางหลังจากนี้ก็จะอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น การแก้ปัญหาไม่ใช่แค่ภาคเศรษฐกิจและเป็นภาคประชาชนด้วย การชี้วัดต่างๆไม่ใช่แค่จำนวนเรียกเก็บหนี้ได้ แต่จะต้องเป็นการปรับโครงสร้างหนี้หรืออื่นๆที่จะช่วยให้ลูกหนี้สามารถกลับเข้ามาในระบบได้ด้วย"


