ยักษ์ใหญ่แห่งวงการคริปโต “Binance” เตรียมขยับครั้งใหญ่ในตลาด DeFi ด้วยการเปิดตัวและแจกเหรียญโทเคน “Momentum (MMT)” โปรเจ็กต์ใหม่บนบล็อกเชนชั้นนำอย่าง Sui (SUI) พร้อมขึ้นแท่นเป็นโครงการที่ 56 ในหน้า HODLer Airdrops ของแพลตฟอร์ม โดยมีเป้าหมายสร้างศูนย์กลางสภาพคล่องเชิงลึกและเครื่องมือการเทรดแบบครบวงจรสำหรับนักลงทุนคริปโตทั่วโลก
โปรเจ็กต์ใหม่บน Sui Blockchain ผสานเทคโนโลยีล้ำหน้า
Binance ระบุว่า Momentum (MMT) เป็นแพลตฟอร์ม DeFi แบบ “All-in-One” ที่ให้บริการตั้งแต่การเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงการสร้างสภาพคล่องขั้นสูงบนเครือข่าย Sui โดยผู้ใช้ที่ถือ BNB และสมัครเข้าร่วมผลิตภัณฑ์ Simple Earn (ทั้งแบบ Flexible และ Locked) หรือ On-Chain Yields ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2025 จะได้รับสิทธิ์รับเหรียญ MMT ฟรีในรอบ Airdrop นี้
Binance จะเริ่มแจกจ่ายเหรียญ MMT เข้าสู่บัญชี Spot ของผู้ใช้ก่อนเริ่มเปิดเทรดอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยข้อมูลรายละเอียดของ Airdrop จะประกาศภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากสิ้นสุดช่วงสมัคร
ทั้งนี้ Binance เตรียมเปิดการซื้อขาย MMT ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 12:00 (UTC) คู่กับเหรียญ USDT, USDC, BNB และ TRY ขณะที่ผู้ใช้สามารถเริ่มฝากเหรียญ MMT ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 เป็นต้นไป
MMT เหรียญศูนย์กลางระบบนิเวศใหม่ของ Momentum
ตามเอกสารไวท์เปเปอร์ของ Momentum ระบุว่า แพลตฟอร์มนี้มุ่งเป็นศูนย์กลางการเทรดสินทรัพย์บนเครือข่าย Sui และขยายต่อยอดไปยังสินทรัพย์บนเชนอื่น รวมถึงการเปิดประตูสู่สินทรัพย์ในโลกจริง (Real-World Assets: RWA) โดยมี MMT เป็นโทเคนหลักของระบบนิเวศ ใช้เป็นทั้ง “โทเคนกำกับดูแล” (Governance Token) และ “รางวัล” สำหรับสมาชิกชุมชนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาและเติบโตของแพลตฟอร์ม
Binance เดินหมากเชิงรุก สร้างแรงกระเพื่อมในตลาด DeFi
การเปิดตัว Momentum สะท้อนทิศทางใหม่ของ Binance ในการรุกตลาด DeFi ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเน้นสร้างแพลตฟอร์มที่รวมทุกฟังก์ชันไว้ในที่เดียว ทั้งการเทรด การสร้างสภาพคล่อง และการเชื่อมโยงสินทรัพย์ระหว่างเชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการขยายอิทธิพลของเครือข่าย Sui ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักลงทุนทั่วโลก
การขยับตัวครั้งนี้อาจกลายเป็นหมากสำคัญที่ช่วยให้ Binance รักษาความเป็นผู้นำในสมรภูมิ DeFi ที่แข่งขันสูงสุดในยุคหลัง Bitcoin และ Ethereum และอาจเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่การสร้างระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ที่เข้าถึงได้ง่ายและยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคต


