สายช็อปสะดุ้ง!!!!กรมศุลกากร เตรียมเก็บ ภาษีนำเข้าสินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่ 1 บาทแรก จากเดิมเรียกเก็บสินค้า 1,500 บาทขึ้นไป เริ่ม 1 ม.ค. 69 หวังสร้างความเป็นธรรมให้เอสเอ็มอีไทย คาดเพิ่มรายได้เข้ารัฐ 3,000 ล้านบาท พร้อมปรับนโยบาย “Customs Quick Big Win” มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่การปกป้องสังคมและจัดเก็บรายได้อย่างเป็นธรรม
นายพันธ์ทอง ลอยกุลอนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรเตรียมเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาทที่สั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (e-commerce) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นนัดหารือกับแพลตฟอร์มรายใหญ่ 2 แห่งคือ Shopee กับ Lazada ในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นี้ เริ่มช่วงแรกจากการให้แพลตฟอร์มส่งรายละเอียดสินค้ามาก่อน ลัสศุลกากรจะเป็นการสุ่มตรวจ
โดยหลักการจะลดมูลค่าขั้นต่ำของสินค้านำเข้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีและพิธีการศุลกากร (de minimis) ที่จะไม่เก็บอากรศุลกากรเหลือตั้งแต่ 1 บาทแรก จากเดิมกำหนดที่ 1,500 บาท ซึ่งแนวทางนี้สามารถดำเนินการได้โดยอำนาจของอธิบดีกรมศุลกากรโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดังนั้นสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายอะไร จึงสามรถดำเนินการได้รวดเร็วทันกับกรอบนโยบาย Quick Big Win
การเก็บภาษีดังกล่าว จะเก็บตามพิกัดอัตราศุลกากรจริงของสินค้านั้นๆ เช่น พลาสติกจะเก็บที่ 20% ขณะที่ในระยะยาวจะเก็บแบบเหมาจ่าย เช่น 20% หรือ 30% สำหรับสินค้าที่มาในรูปแบบกล่องขนาดเล็กทั้งหมด อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายและกฎกระทรวงซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาไม่น่าจะทันระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาลนี้
“ช่วงที่ผ่านมาได้เว้นการเก็บภาษี VAT และอากรนำเข้าสินค้าที่มูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท และเริ่มเริ่มเก็บ VAT แล้ว แต่ตอนนี้จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าเพิ่มเติมสินค้าราคาตั้งแต่ 1 บาทเป็นต้นไป โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569 ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของบทบาทด้านสังคมและการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากร สินค้าที่เข้ามามีจำนวนเป็นล้านชิ้นต่อปี จึงไม่สามารถทำการตรวจสอบทั้งหมด ดังนั้นจึงจะขอความร่วมมือจากแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะแพลตฟอร์มรายใหญ่ เช่น Shopee และ Lazada ให้ส่งข้อมูลมาว่าในตู้คอนเทนเนอร์นั้นๆ มีสินค้าจากแพลตฟอร์มกี่ชิ้น มูลค่าเท่าไร ภาษีเท่าไร และ VAT เท่าไร โดยในระยะแรก กรมศุลกากรจะยึดข้อมูลที่แพลตฟอร์มแจ้งมาและจะมีการสุ่มตรวจสอบ โดยกรมฯ จะหารือกับ Shopee กับ Lazada ในวันศุกร์ที่ 7 พ.ย. นี้”อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว
ทั้งนี้ในปี 2567 ที่ผ่านมาสินค้าที่ต่ำกว่า 1,500 บาท มีจำนวนเกือบ 200 ล้านชิ้น มีมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสามารถเก็บภาษี VAT ได้ที่ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ส่วนใหญ่สินค้าดังกล่าวส่วนใหญ่มีอัตราภาษีเฉลี่ยที่ 10-30% ดังนั้นหากเริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าโดยคำนวนจากอัตราภาษีเฉลี่ยที่ 10% คาดว่าสร้างรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่อไปว่า กรมศุลกากรพร้อมดำเนินการตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยดำเนินการภายใต้บทบาทหลัก 3 ด้าน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1. Trade Enabler – การใช้มาตรการทางศุลกากรเพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้า
กรมศุลกากรจะมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางศุลกากร เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการค้า โดยเร่งปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า–ส่งออก ปรับกระบวนการตรวจสินค้าสู่มาตรฐานสากลเพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการที่สุจริต เร่งคืนภาษี เงินวางประกัน และเงินชดเชย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจนอกจากนี้ ยังสนับสนุนการจัดทำ FTAs เพื่อขยายตลาดส่งออกของประเทศ เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ AEO (Authorized Economic Operator) ส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ปรับปรุงพิธีการถ่ายลำและผ่านแดน ลดระยะเวลาการตรวจปล่อยสินค้า รวมถึงเปิดโอกาสให้ ICD (Inland Container Depot) สามารถตรวจปล่อยสินค้าขาออกได้โดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนอย่างแท้จริง
2. Social Protector – การปกป้องสังคมจากสินค้าผิดกฎหมาย
กรมศุลกากรจะดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าทุ่มตลาด สินค้าปลอมแปลงถิ่นกำเนิด และสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน พร้อมเดินหน้าเตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อควบคุมการจำหน่ายของผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการตรวจสอบสินค้า รวมถึงปรับอัตราการเปิดตรวจสินค้าให้เหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
3. Revenue Collector – การจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างเป็นธรรม
กรมศุลกากรจะปรับมุมมองในการจัดเก็บภาษี จากเดิมที่มุ่งเน้นเฉพาะการจัดเก็บอากร ไปสู่การจัดเก็บภาษีทุกประเภทอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย หรือภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรแต่ยังต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการพิจารณายกเลิกการกำหนด De minimis value เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการและเพิ่มรายได้ของรัฐอย่างมั่นคง
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า นโยบาย “Customs Quick Big Win” ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับบทบาทของกรมศุลกากรให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกทางการค้า การปกป้องสังคม และการเพิ่มรายได้ภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน


