แรงเทขายคริปโตสะเทือนทั่วโลก หลังบิทคอยน์ทรุดหลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ต (liquidation) มูลค่ากว่า 2.02 พันล้านดอลลาร์ในตลาดอนุพันธ์ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ร่วงตามแรงกดดันจากความกังวลว่า “ฟองสบู่หุ้น AI” อาจเริ่มแตก
บิทคอยน์ดิ่งหนัก นักลงทุนหนีตายทั่วกระดาน
ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าการล้างพอร์ตของนักเทรดที่ใช้เลเวอเรจในตลาดคริปโทพุ่งแตะ 2.02 พันล้านดอลลาร์ หลังจากราคาบิตคอยน์ (BTC) ร่วงลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยแตะจุดต่ำสุดที่ 99,075 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดกลับมาที่ราว 101,033 ดอลลาร์ ลดลง 4.3% ภายในวันเดียว
แรงเทขายครั้งนี้สะท้อนการทำกำไรของ “วาฬคริปโต” หลังราคาบิทคอยน์พุ่งทำจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) ที่ 126,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งหมายถึงการปรับฐานกว่า 21.3% จากจุดสูงสุดในเวลาไม่ถึงเดือน
อีเธอเรียม-โซลานาโดนหางเลข ถูกล้างพอร์ตต่อเนื่อง
ในบรรดาคริปโตทั้งหมด Ethereum (ETH) ถูกล้างพอร์ตมากที่สุด มูลค่า 655 ล้านดอลลาร์ ตามด้วย Bitcoin 615 ล้านดอลลาร์ และ Solana (SOL) อีก 123 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเทรดฝั่ง Long ที่เดิมพันว่าราคาจะขึ้นต่อ แต่ต้องพ่ายต่อแรงขายขนานใหญ่ในตลาด
แรงกระแทกจากตลาดหุ้น "ฟองสบู่ AI สั่นคลอนความเชื่อมั่น"
การร่วงของสินทรัพย์ดิจิทัลในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดดเดี่ยว แต่สอดคล้องกับภาวะอ่อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามต่อมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งอาจ “เกินจริง” กว่าพื้นฐานเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 ร่วง 1.17% ปิดที่ 6,771 จุด, Nasdaq ดิ่งแรง 2.04% ปิดที่ 23,348 จุด และ Dow Jones ลดลง 0.53% ปิดที่ 47,085 จุด สะท้อนกระแส “risk-off” ที่นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันกลับไปหาความปลอดภัยในตราสารหนี้ระยะสั้น
ตลาดเข้าสู่โหมดระวังภัย หลังแรงเก็งกำไรเริ่มล้า
นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า ภาพรวมของตลาดคริปโตในขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐานตามวัฏจักร หลังจากราคาปรับขึ้นแรงตลอดไตรมาสที่ผ่านมา การร่วงของบิทคอยน์ต่ำกว่าแนวจิตวิทยาที่ 100,000 ดอลลาร์อาจเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการใช้เลเวอเรจสูง และจับตาความเคลื่อนไหวของ “วาฬรายใหญ่” ที่อาจโยกย้ายพอร์ตเพื่อทำกำไรในรอบต่อไป
ขณะเดียวกัน ปัจจัยมหภาคอย่างการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของเฟด และกระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ยังคงเป็นแรงกดดันหลักที่อาจทำให้ตลาดคริปโตเผชิญความผันผวนต่อเนื่องในระยะสั้น


