xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.34-แกว่งตัวกรอบ Sideways -ติดตามราคาทองคำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.34 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.41 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องทะลุโซน 154 เยนต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อย่างไรก็ดี เงินบาทก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเหนือโซน 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม จากแรงขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มระมัดระวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลงทุนในธีม AI ของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) ยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามจังหวะการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทว่า การอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่นก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็คงมองว่า BOJ ยังมีแนวโน้มทยอยเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะช่วยหนุนเงินเยนญี่ปุ่น (เราคงมุมมองเดิมว่า Buy JPY on Dip ยังเป็นไอเดียที่น่าสนใจ และมองว่า เงินเยนญี่ปุ่นมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 145 เยนต่อดอลลาร์ รวมถึงโซน 22 บาทต่อ 100 เยน ได้ภายในปีหน้า) ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ รวมถึงปรับสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) เมื่อเงินบาทได้อ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน ซึ่งล่าสุดโซนแนวต้านได้ขยับมาสู่โซน 32.50 บาทต่อดอลลาร์

นอกจากนี้ เราพบว่า เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำมากขึ้น โดยยังคงพบว่า จังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท (ในทางกลับกัน การย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำ ก็จะพอกดดันเงินบาทได้บ้าง) ซึ่งในช่วงนี้ เรามองว่า ราคาทองคำก็มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways แม้จะพอได้แรงหนุนบ้างจากภาวะปิดรับความเสี่ยง แต่ก็ถูกกดดันจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ ราคาทองคำยังขาดปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติมที่จะทำให้มีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งเรามองว่า ตลาดต้องรับรู้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เพิ่มเติม รวมถึง รับรู้ปัจจัยสำคัญ อย่าง การพิจารณาคดีเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีการใช้กฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) โดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ซึ่งจะมี first hearing ในช่วงวันที่ 5 พฤศจิกายน นี้ และคาดว่า ศาลสูงสุดจะมีคำพิพากษาต่อคดีดังกล่าวได้เร็วสุดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

ทั้งนี้ แม้เราจะมองว่า เงินบาทก็อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อน โดยเงินบาทยังพอมีโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวต้านอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่เราขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของเงินบาทที่อยู่ในระดับสูงขึ้นชัดเจน จากช่วงก่อนหน้า และมองว่า เงินบาทก็ยังอยู่ในภาวะผันผวนสูงไปอีกสักระยะ
กำลังโหลดความคิดเห็น