Meta ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดสุดแข็งแกร่ง ผู้ใช้งานทะลุ 3.5 พันล้านคนต่อวัน “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอของ Meta ย้ำภารกิจสำคัญเดินหน้า “สร้างปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลระดับซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์” เพื่อยกระดับชีวิตผู้คนทั่วโลก พร้อมเผยความคืบหน้าในผลิตภัณฑ์หลัก ตั้งแต่ Instagram, Threads, Reels ไปจนถึง Meta AI และ แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ ที่กลายเป็นสินค้าขายหมดภายใน 48 ชั่วโมง
Meta โตต่อเนื่อง ผู้ใช้งานแตะ 3.5 พันล้านคนต่อวัน
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta เปิดเผยว่า Meta มีอีกหนึ่งไตรมาสที่แข็งแกร่ง โดยมีผู้ใช้งานแอปในเครือกว่า 3.5 พันล้านคนต่อวัน ขณะที่ Instagram ทำสถิติใหม่ด้วยผู้ใช้งานประจำเดือนกว่า 3 พันล้านคน และ Threads ทะยานสู่ 150 ล้านผู้ใช้งานรายวัน พร้อมแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
“เรากำลังสร้างห้องปฏิบัติการ AI ชั้นนำของโลก เพื่อพัฒนา ‘ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ส่วนบุคคล’ สำหรับทุกคน” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว
Meta Superintelligence Labs หัวใจของยุคใหม่แห่ง AI
ซักเคอร์เบิร์กระบุว่า Meta Superintelligence Labs กำลังกลายเป็นหนึ่งในศูนย์รวมบุคลากร AI ที่มีความสามารถสูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยมีทีมกำลังพัฒนาโมเดลรุ่นถัดไปและโครงสร้างพื้นฐานประมวลผลขนาดมหึมา เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ภายใน 5-7 ปีข้างหน้า
“เรากำลังลงทุนล่วงหน้า เพื่อให้ Meta พร้อมที่สุดเมื่อซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์มาถึงไม่ว่าจะเร็วหรือช้า” เขากล่าว
ซักเคอร์เบิร์กเชื่อว่า หากซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์มาถึงเร็วกว่าที่คาด Meta จะพร้อมรับโอกาสระดับประวัติศาสตร์ แต่หากมาช้า บริษัทก็จะใช้พลังการประมวลผลเหล่านั้นเพื่อเร่งธุรกิจหลักให้เติบโตอย่างคุ้มค่า
ใช้ AI ปลุกโซเชียลให้กลับมาคึกคัก
ด้านระบบแนะนำเนื้อหาของ Meta ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้เวลาใช้งาน Facebook เพิ่มขึ้น 5% และ Threads เพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะวิดีโอคอนเทนต์บน Instagram ที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อน ขณะที่ฟีเจอร์ Reels ก็ทำรายได้ทะลุ 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ซักเคอร์เบิร์กอธิบายว่า โซเชียลมีเดียกำลังเข้าสู่ “ยุคที่สาม” จากเนื้อหาที่มาจากเพื่อนและครอบครัว ไปสู่ยุคครีเอเตอร์ และตอนนี้คือยุคที่ AI ช่วยสร้างและรีมิกซ์เนื้อหาใหม่ไม่รู้จบ ระบบแนะนำของ Meta จึงมีคลังคอนเทนต์ขนาดมหึมา และเข้าใจความสนใจของผู้ใช้ได้ลึกกว่าเดิม
โฆษณาโตแรงทะลุ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี
ในส่วนของธุรกิจโฆษณายังคงเติบโตแข็งแกร่งจากการพัฒนาโมเดล AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันระบบโฆษณาอัตโนมัติแบบ end-to-end ของ Meta มียอดดำเนินการรายปีทะลุ 60,000 ล้านดอลลาร์
ซักเคอร์เบิร์กเผยว่า Meta มี “ทรานส์ฟอร์เมอร์หลัก 3 ตัว” ที่รันระบบแนะนำบน Facebook, Instagram และ Ads ซึ่งบริษัทกำลังรวมระบบเหล่านี้ให้เป็น AI กลางหนึ่งเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านข้อมูลและผลลัพธ์เชิงธุรกิจ
Meta AI และ Business AI ผู้ช่วยใหม่ของโลกธุรกิจ
ซักเคอร์เบิร์กระบุว่า ปัจจุบัน Meta AI มีผู้ใช้งานประจำเดือนเกิน 1 พันล้านคน และเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากการอัปเกรดโมเดลรุ่นใหม่
ขณะเดียวกัน Business AI ก็ช่วยธุรกิจนับสิบล้านรายบริหารการสนทนาและการขายอย่างอัตโนมัติทุกวัน เชื่อมโยงการสนทนาเกินพันล้าน threads ระหว่างผู้ใช้กับแบรนด์ต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มของ Meta
เปิดตัว “Vibes” และแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่
นอกจากนี้ Meta ยังได้เปิดตัว Vibes เครื่องมือสร้างคอนเทนต์ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งได้รับการตอบรับดีเยี่ยม และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ต่อสัปดาห์ โดยซักเคอร์เบิร์กมองว่า “Vibes” คือจุดเริ่มต้นของ “ประเภทเนื้อหาใหม่” ที่เกิดขึ้นจากพลังของ AI
ขณะเดียวกัน แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ Ray-Ban Meta, Oakley Meta Vanguards และ Ray-Ban Meta Display ซึ่งมาพร้อมจอความละเอียดสูงและเทคโนโลยี Meta Neural Band ถูกขายหมดเกือบทุกร้านภายใน 48 ชั่วโมง
ซักเคอร์เบิร์กเผยว่า ทีมงานจะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลก
“ยุคที่น่าตื่นเต้นที่สุดของ Meta เพิ่งเริ่มต้น”
ซักเคอร์เบิร์กกล่าวทิ้งท้ายว่า
“หากเรามอบโอกาสได้แม้เพียงเศษเสี้ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า อีกไม่กี่ปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา”
เขาย้ำว่า Meta จะเดินหน้าอย่างมุ่งมั่น ทั้งในด้านผลประกอบการ การพัฒนาคน และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อวางรากฐานสำหรับยุคถัดไปของเทคโนโลยีคอมพิวติ้ง
อย่างไรก็ตาม Meta กำลังเปลี่ยนผ่านจากโซเชียลแพลตฟอร์ม สู่การเป็นผู้นำโลก AI และอุปกรณ์อัจฉริยะอย่างเต็มตัว บทต่อไปของ Meta จึงอาจไม่ใช่แค่ “เครือข่ายสังคม” แต่คือ “สถาปนิกของอนาคต” ที่กำหนดทิศทางเทคโนโลยีโลกในศตวรรษนี้


