แม้เฟดปรับลดดอกเบี้ยและยุติมาตรการดูดซับสภาพคล่อง แต่ราคาบิทคอยน์กลับดิ่งสวนทางนักลงทุน ดิ่งลงกว่า 6% จากจุดสูงสุดต้นสัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือน ตลาดอาจอยู่ในช่วง “พักฐานก่อนกลับตัว” ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสงครามการค้ารอบใหม่
เฟดหั่นดอกเบี้ย-ยุติ QT ตลาดคริปโตกลับผันผวนแรง
ราคาบิทคอยน์ร่วงลงแตะ $109,200 หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และยุติมาตรการลดขนาดงบดุล หรือ Quantitative Tightening (QT) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ แม้มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด แต่การตอบสนองของราคากลับสวนทางอย่างมีนัยสำคัญ
ก่อนหน้าการประกาศของเฟด บิทคอยน์พุ่งแตะระดับ $116,400 ในวันจันทร์ แต่หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ราคากลับร่วงกว่า 6% ซึ่งแรงขายดังกล่าวสะท้อนความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินอาจสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากกว่าที่คาด
สัญญาณ “ดอกเบี้ยขาลง” แต่ราคาคริปโตสวนทาง
ตามข้อมูลจาก “ดอทพลอต” (Dot Plot) ของเฟด พบว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2568 ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ประเมินว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ครั้งในช่วงเดือนมีนาคมและมิถุนายนปี 2569 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอยู่ในช่วง 3.00%–3.25%
อย่างไรก็ตาม การร่วงของราคาบิตคอยน์ในรอบนี้ถือว่าขัดต่อมุมมองของเทรดเดอร์ที่มองว่าการลดดอกเบี้ยมักจะหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาฟื้นตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในตลาดยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่
นักวิเคราะห์ชี้ “ราคามักดิ่งก่อนดีด” หลังประชุม FOMC
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลคริปโต Hyblock ระบุว่า “ในช่วงการประชุม FOMC ครั้งก่อน ๆ ไม่ว่าจะมีการคงดอกเบี้ยหรือปรับลด ราคาบิตคอยน์มักจะปรับตัวลงก่อน แล้วจึงฟื้นตัวในภายหลัง” พร้อมชี้ว่าหากราคาปรับฐานและเริ่มมีสัญญาณบวก เช่น ปริมาณคำสั่งซื้อที่หนาแน่นในสมุดคำสั่งซื้อ (Order Book) อาจเป็นจังหวะเข้าซื้อของนักลงทุนระยะกลาง
Hyblock ยังเสริมว่า ตลาดมักใช้เวลาสั้น ๆ หลัง FOMC ก่อนเริ่ม “รีเซ็ต” ความคาดหวังใหม่ โดยเฉพาะเมื่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงทั้งด้านตลาดแรงงานและสงครามการค้ากับจีนที่กลับมาระอุอีกครั้ง
จับตาภาวะตลาด “หลังลดดอกเบี้ยแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”
ขณะนี้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มหันไปจับตาประเด็น “หลังลดดอกเบี้ย” มากกว่าตัวนโยบายเอง ปัจจัยที่กำลังสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่น ได้แก่การปลดพนักงานในสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น, ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีในยุคทรัมป์, และคำถามสำคัญว่า “ภาคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)” กำลังอยู่ในช่วงฟองสบู่หรือเป็นการเติบโตบนพื้นฐานจริงกันแน่
ประเด็นเหล่านี้จะเป็นหัวข้อหลักในการแถลงข่าวของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกคาดว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางราคาบิทคอยน์ในระยะสั้น มากกว่าการลดดอกเบี้ยที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
บิทคอยน์เข้าสู่ช่วงพักฐานรอบใหม่
แม้เฟดจะส่งสัญญาณ “ผ่อนคลาย” ชัดเจน แต่แรงเทขายในตลาดคริปโตสะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังไม่เชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่แท้จริง การลดดอกเบี้ยอาจช่วยหนุนสภาพคล่อง แต่ก็ไม่อาจกลบความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ทั้งหมด
นักลงทุนจำนวนมากจึงมองว่าช่วงราคาที่บิทคอยน์ร่วงลงสู่ระดับใกล้ $109,000 อาจเป็น “ช่วงพักฐานก่อนขึ้นรอบใหม่” หากปัจจัยเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณบวก โดยเฉพาะจากข้อมูลการจ้างงานและนโยบายการเงินในไตรมาสแรกปี 2569 ที่จะเป็นบททดสอบสำคัญของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก.


