ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ในการประชุม FOMC วันที่ 28-29 ต.ค. 2568 เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.75-4.00% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนก.ย.ออกมาต่ำกว่าคาด แม้เฟดจะขาดข้อมูลตลาดแรงงาน เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) และอัตราว่างงานในเดือนก.ย. 2568 อันเป็นผลมาจาก Government Shutdown โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และ Government Shutdown ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มไม่เร่งตัว ทำให้เฟดน่าจะให้น้ำหนักกับการชะลอตัวของตลาดแรงงานมากกว่าความกังวลด้านเงินเฟ้อ
นอจากนี้ จากบันทึกการประชุม FOMC (FOMC Minutes) ในเดือนก.ย. 2568 เผยว่าสมาชิกเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดแรงงานและเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณชะลอลง ในขณะที่ สมาชิกเฟดบางรายเห็นควรให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ และทยอยปรับลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากความกังวลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจกลับมาสูงขึ้น
และเฟดมีแนวโน้มยังไม่หยุดทำ Quantitative Tightening (QT) ในการประชุมรอบนี้ แม้เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณในงานประชุม National Association for Business Economics (NABE) Conference ว่าเฟดใกล้ถึงจุดที่จะหยุดการทำ QT แล้วก็ตาม เนื่องจากเฟดคงหลีกเลี่ยงที่จะหยุดทำ QT เร็วไป เพราะอาจกระตุ้นฟองสบู่ในสินทรัพย์และชะลอความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ หากสภาพคล่องไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
สำหรับการประชุม FOMC รอบสุดท้ายของปีในเดือนธ.ค. 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามสัญญาณจาก Dot Plot ล่าสุด ขณะที่ในปี 2569 เฟดอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณไว้ โดยมีโอกาสปรับลดรวม 2–3 ครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จากผลของภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ ขณะที่เงินเฟ้ออาจไม่ได้เร่งตัวสูงขึ้นมากนักหรือเป็นเวลานาน ทำให้เฟดมีแนวโน้มยังให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยคงขึ้นอยู่กับตัวเลขตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ


