ตลาดคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อบิทคอยน์ทะยานเข้าใกล้ระดับ $113,000 ในช่วงสุดสัปดาห์ ท่ามกลางการจับตาทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างใกล้ชิด แรงหนุนสำคัญมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และโอกาสที่ Fed จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. นี้ พุ่งทะลุ 98%! นักวิเคราะห์ชี้หากบิทคอยน์สามารถเบรกแนวต้านสำคัญที่ $112,000 ได้อย่างเด็ดขาด อาจส่งสัญญาณถึงการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ไปแตะ $123,000 หรืออาจถึง $144,000 ท่ามกลางภาวะที่ตลาดโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการปรับลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่
บิทคอยน์พุ่งชนเป้าหมายประเมินรอบใหม่ที่ $112,000 คือกุญแจสำคัญ
ความเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin (BTC) ได้กลับมาเข้าข้างฝั่งขาขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ TradingView ชี้ให้เห็นว่าหลังจากที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ช่วงวันหยุด ก็ได้เกิดแรงดีดตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งเป็นผลพวงจากรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สร้างความพึงพอใจให้กับตลาด
นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างมองเห็นศักยภาพในการทำจุดสูงสุดใหม่ (Fresh Highs) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปิดตลาดรายสัปดาห์ (Weekly Close) ซึ่งเป็นช่วงที่ความผันผวนของราคามักจะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ $112,000
ขณะที่เทรดเดอร์ชื่อดังผู้ช้นามแฝงว่า Crypto Caesar ได้วิเคราะห์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ว่า "การทะลุและปิดเหนือระดับ $112,000 ได้อย่าง 'สง่างาม' จะเป็นการยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น เพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไปที่ $123,000" ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญเชิงเทคนิคของระดับราคาดังกล่าว
ขณะที่เท็ด พิลโลว์ นักลงทุนและผู้ประกอบการคริปโตรายใหญ่ ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า "BTC ดูเหมือนจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น มีแท่งเทียนรายวัน (Daily Candles) เป็นสีเขียวติดต่อกันถึง 4 วัน ซึ่งหมายความว่ามีคนกำลังใช้กลยุทธ์ TWAP (Time-Weighted Average Price) เข้าซื้อ Bitcoin อย่างสม่ำเสมอ"
นอกจากนี้ บัญชีวิเคราะห์ On-chain อย่าง แฟรงก์ เฟตเตอร์ ยังได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการที่บิทคอยน์จะสามารถเบรกเหนือระดับ $113,000 ได้หรือไม่ เนื่องจากราคานี้เป็นตัวแทนของ "ต้นทุนรวมเฉลี่ย" (Aggregate Cost Basis) ของกลุ่มผู้ถือครองบิทคอยน์ ระยะสั้น (Short-Term Holders: STHs) หรือผู้ที่ถือครองเหรียญไม่เกิน 6 เดือน
"หาก BTC สามารถเรียกคืนระดับต้นทุน $113,000 ของนักลงทุนระยะสั้นกลับมาได้ การพุ่งเข้าสู่กรอบราคา $130,000 - $144,000 ก็ดูจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมตามกลไกตลาด" แฟรงก์ ระบุ
แรงกระเพื่อมดอกเบี้ยโลก ปัจจัยเร่งปฏิกิริยาสินทรัพย์เสี่ยง
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่หนุนให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง คือแนวโน้มการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เตรียมประชุมในสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง
ภายหลังจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตลาดเกือบจะฟันธงว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 29 ตุลาคมนี้ โดยข้อมูลจาก CME Group’s FedWatch Tool ชี้ว่า โอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์นี้สูงถึงกว่า 98% ในขณะที่รายงานถูกเผยแพร่ออกไป
The Kobeissi Letter แหล่งข้อมูลการซื้อขายชื่อดัง ได้ให้บริบทของการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "การพลิกผัน" (Pivot) อัตราดอกเบี้ยทั่วโลก โดยชี้ให้เห็นสถิติที่น่าสนใจว่า
"จนถึงขณะนี้ มีธนาคารกลางทั่วโลกถึง 82% ที่ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 (ปีที่มีการระบาดของโควิด-19) และในศตวรรษนี้ การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกในอัตราเร่งเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยเท่านั้น"
สัญญาณดังกล่าวบ่งชี้ว่า เงินทุนกำลังถูกผลักดันให้ออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย (เช่น ดอลลาร์และพันธบัตร) และไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง (Risk Assets) อย่าง Bitcoin และหุ้น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของตลาดในช่วงที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยต่ำอย่างเป็นวงกว้าง


