xs
xsm
sm
md
lg

คอนโดซึมยาวคาดปี70ฟื้นทุนนอกมองเที่ยวไทยแกร่งจ่อขยายลงทุนรร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของบ้านเราจะต้องเริ่มตั้งไข่ใหม่อีกครั้งหลังการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งในด้านความเชื่อมั่นอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ เพราะปัญหาการเมืองที่ยังเกิดอยู่เนืองๆ ประกอบกับปัญหาการปะทะกันระหว่างชายแดนกับเพื่อนบ้าน ทำให้หลายคนมองว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
  
อย่างไรก็ตามกลุ่มนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจะทราบดีว่าวัฒนะธรรมทางด้านธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยนั้นแทบจะแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง เพราะแม้อยู่ในช่วงของการประท้วงใหญ่ หรือ การปฏิวัติ ฝ่ายทหาร การเมือง และประชาชนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคธุกริจ นักท่องเที่ยว หรืออุตสาหกรรมใดๆเลย ดังนั้นภาคการลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยจึงยังเข้มแข็งแม้จะอยู่ในช่วงเกิดความขั้ดแย้งทางการเมืองก็ตาม 
 
วัฒนธรรมด้านธุรกิจดังกล่าว ทำให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยวต่างชาติ โดยนายนรศักดิ์ ศุภกรธนกิจ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุนและการลงทุน คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ กล่าวว่า แม้ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21 ก.ย. 68 ที่ผ่านมาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่ามีชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยรวมแล้ว 23,450,122 คน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยลดลงกว่า 35% จากปีก่อน แต่ก็มีชาวต่างชาติอื่นๆ เข้ามาทดแทนมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยลดลงเพียง 7.44% เท่านั้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งโรงแรม และค้าปลีกจึงยังมีการขยายตัวหรือได้รับความสนใจจากที่งนักลงทุนไทยและต่างชาติต่อเนื่อง

นรศักดิ์ ศุภกรธนกิจ
นายนรศักดิ์ กล่าวว่า การลงทุนในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยวก็ยังคงขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์และบูทีคโฮเทลที่ตอบโจทย์กลุ่มGen Zซึ่งให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาฯในธุรกิจโรงแรมต้องสร้างสรรค์แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงออกแบบโครงการที่สะท้อนความยั่งยืน ความทันสมัย และดีไซน์ที่แตกต่างมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และสร้างโอกาสใหม่ให้กับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีผู้พัฒนาโครงการหลายรายเปิดหานักลงทุนเชิงกลยุทธ์ในการร่วมลงทุน (joint-venture)และช่วยพัฒนาต่อยอดโครงการ

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่อาจจะมีทั้งการขับเคลื่อนโดยคนไทย และต่างชาติในบางทำเล ซึ่งช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจค้าปลีกค่อนข้างมากโดยเฉพาะรูปแบบของโครงการ โดยเรื่องนี้ คุณนรศักดิ์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ภาคค้าปลีกยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจดาวเด่นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญทั้งต่อประสบการณ์การจับจ่ายและการใช้เวลาในศูนย์การค้า โครงการค้าปลีกยุคใหม่จึงก้าวข้ามจาก

“พื้นที่ขายสินค้า” ไปสู่การเป็น “ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์” ที่สะท้อนรสนิยมของผู้บริโภคและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างดี ปัจจุบันทั้งศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต และคอมมูนิตี้มอลล์มีการขยายตัวสูง โดยผู้ประกอบการนิยมเลือกเช่าที่ดินระยะยาวเพื่อบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกระจายภาระค่าเช่าเป็นรายปี ทำให้การบริหารกระแสเงินสดคล่องตัวมากขึ้น”

การเปลี่ยนแปลงทั้งในธุรกิจค้าปลีกและโรงแรมอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่มีมาหลายปีแล้ว และจะยังคงเป็นไปในรูปแบบนี้ต่อเนื่องในปี 2569 แต่ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเร็วรูปแบบของโครงการเหล่านี้ในระยะยาวอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้อีกมาก


สุรเชษฐ กองชีพ
ท่องเที่ยวยังแข็งแกร่งแม้จีนหดแต่ได้กลุ่มยุโรป รัสเชีย อินเดียทดแทน

ขณะที่สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมและค้าปลีกยังคงขยายตัวได้ดีจากการได้กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมนฯ เปิดเผยว่า แม้ในช่วงครึ่งปีแรกคอนโดมิเนียม มีการเปิดขายใหม่ไม่มาก แต่ในไตรมาสที่3 กลับเริ่มมีโครงการคอนโดเปิดขายใหม่มากขึ้น และที่น่าสนใจ คือ หลายโครงการเป็นโครงการคอนโดราคาขายค่อนข้างสูง

“คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาส3/68 มีทั้งหมด 6,618 ยูนิต แต่ที่น่าสนใจ คือ หลายโครงการเปิดขายโดยไม่ได้ประกาศขายแบบเป็นทางการ แต่ให้จองบางชั้นก่อนเพื่อทดลองดูว่าได้รับความสนใจมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงเปิดขายแบบเป็นทางการหลังจากนั้นไม่นาน นอกจากนี้ หลายโครงการเปิดขายในเดือนก.ย. ซึ่งอาจจะมีผลให้ภาพรวมตลาดคอนโดไตรมาส3 ดูไม่คึกคัก เพราะช่วง2 เดือนก่อน มีโครงการเปิดขายใหม่ไม่มาก บางโครงการที่เปิดขายในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากผู้ซื้อทั่วไปและนักลงทุนมากกว่าโครงการอื่นๆ แบบชัดเจน เพราะด้วยทำเลที่ตั้งและราคาที่ไม่สูงเกินไป”

สำหรับคอนโดเปิดขายใหม่ในไตรมาส3 ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว“BTS” มีเพียง11%
เท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าอื่นๆ เช่น สายสีชมพู และสายสีน้ำเงิน เนื่องจากผู้ประกอบการเลือกที่จะพัฒนาโครงการคอนโดในพื้นที่หรือทำเลที่เห็นศักยภาพในปัจจุบัน ไม่ใช่ทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างแบบที่ผ่านมา ดังนั้น ราคาขายคอนโดที่เปิดขายใหม่จึงสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า47% อาจจะเพราะคอนโดเปิดขายใหม่ในไตรมาส2 มีราคาขายที่ไม่สูงมาก เพราะอยู่ในทำเลที่อยู่นอกเส้นทางรถไฟฟ้า และอยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก แม้ว่าโครงการกว่า89% ที่เปิดขายในไตรมาส 3 จะอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในซอยที่แยกออกจากถนนเส้นทางหลักและอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากกว่า 1 กิโลเมตร บางโครงการอยู่ในระยะที่มากกว่า2 กม. แต่ราคาขายยังสูงอยู่ เพราะอยู่ในทำเลที่ราคาที่ดินค่อนข้างสูง เช่น อยู่ในพื้นที่แนวถนนสุขุมวิท และเจริญกรุง

แนวโน้มตลาดคอนโดกรุงเทพฯ ในช่วงที่เหลือของปี 68 ยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว แม้ว่าจะมีโครงการเปิดขายใหม่ในไตรมาส3 ก็ตาม เนื่องจากปัจจัยลบหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของความเชื่อมั่นในระยะยาวของคนไทยต่อภาวะเศรษฐกิจ และการทำงานของตนเองยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การใช้จ่ายเงินของคนไทยคงไม่แตกต่างจากช่วงที่ผ่านมา และการสร้างหนี้สินระยะยาวจากการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสมนัก สถาบันการเงินเองก็มีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ แม้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยจะยังมีอยู่ก็ตาม


ดังนั้น เรื่องของการเช่าที่อยู่อาศัยจึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง และแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานไม่นาน ผู้ประกอบการบางรายก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือผู้ซื้อท่ามีปัญหาเรื่องของสินเชื่อทั้งการให้คำปรึกษา ให้เช่าก่อนซื้อทีหลัง รวมไปถึงการมีความร่วมมือกับสถาบันการเงิน เพื่อที่จะได้ผูกมัดหรือทำให้ผู้ที่สนใจซื้อสามารถโอนกรรมสิทธิ์หรือว่ามีความเข้าใจในการเตรียมตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มของตลาดคอนโดปี69 คงไม่แตกต่างจากปีนี้มากนัก เพราะจากสถานการณ์ตอนนี้ปีหน้าจะเป็นปีที่มีการเลือกตั้ง ดังนั้น ภาวะเศรษฐกิจหรือการลงทุนอะไรต่างๆ อาจจะยังต้องดูสถานการณ์ตอนนั้นอีกที “สถานการณ์ของตลาดอสังหาฯในปี69 คาดว่าคงไม่ดีกว่าปีนี้ทั้งในเรื่องของซับพลาย และดีมานด์ในตลาดคอนโด เพราะรัฐบาลปัจจุบันนั้นค่อนข้างชัดเจนคงไม่สามารถอยู่ได้นาน และถ้าปีหน้ามีการยุบสภาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาล ความเชื่อมั่นในการลงทุนและการหยุดชะงักของนโยบายต่างๆ คงเกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ประกอบการอาจจะขอดูสถานการณ์ก่อนในช่วงต้นปี69

“คาดการณ์ได้ว่าถ้าการเลือกตั้งหรือเปลี่ยนรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคงดีขึ้น และกระตุ้นให้คนไทยมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศด้วย ดังนั้น ตลาดคอนโดในปี69 เชื่อว่าจะยังทรงตัวต่อจากปีนี้ และคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวได้จริงจังในปี70”

นายสุรเชษฐ กล่าวถึงกำลังซื้อต่างชาติ ว่า “การเข้าถึงกำลังซื้อต่างชาติเป็น1 ในกลยุทธที่ผู้ประกอบการพยายามหาช่องทางเข้าถึงมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายมีการร่วมมือหรือจัดตั้งบริษัทร่วมกับบริษัทนายหน้า หรือ ตัวแทนนายหน้าต่างชาติโดยเฉพาะผู้ซื้อชาวจีนเพื่อเข้าถึงกำลังซื้อต่างชาติโดยตรงไม่ผ่านคนกลางมาต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนายหน้าสัญชาติอื่นๆ เช่น รัสเซีย และเมียนมาร์ เป็นต้น ที่เข้ามาทำงานหรือช่วยผู้ประกบอการขายคอนโด หรือที่อยู่อาศัยรูปแบบต่าง ๆ ให้กับชาวต่างชาติสัญชาติเดียวกัน โดยเฉพาะชาวรัสเซีย ซึ่งนายหน้ากลุ่มนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการค่อนข้างมาก 

โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ กำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนอาจจะมากขึ้นในปี69 เพราะสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยในประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากแล้ว แม้ว่าจะมีชาวจีนส่วนหนึ่งเลือกไปประเทศอื่นๆ มากกว่าประเทศไทยในปีนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากความต้องซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ประเทศไทยยังคงอยู่อันดับต้นๆ หรืออันดับที่ 1 เสมอในความคิดของชาวจีนไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับโดยองค์กรหรือหน่วยงานใดก็ตาม เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาชาวจีนอาจจะมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศตนเองยังไม่ฟื้นตัวแต่ค่อยๆ ดีขึ้นในปี68”

อุกฤษฏ์ พรพัฒนไพโรจน์
 ตลาดอาคารสำนักกทม.Q3/68


นายอุกฤษฏ์ พรพัฒนไพโรจน์ หัวหน้าฝ่ายพื้นที่สำนักงานให้เช่า คุชแมนฯ กล่าวถึงตลาดพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ว่า ยังต้องจับตาต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราว่างของพื้นที่จะลดลงมาเล็กน้อยในไตรมาส3 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความต้องการพื้นที่ สำนักงานในกรุงเทพมหานครจะมากขึ้นยังคงต้องรอคอยความหวังจากนักลงทุนต่างชาติที่ชะลอการขยายธุรกิจหรือชะลอการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา เพราะยังมีพื้นที่สำนักงานว่างเหลืออยู่ไม่น้อย

“พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ณ ไตรมาส3/68 มีทั้งสิ้น 8.93 ล้านตารางเมตร(ตร.ม.) โดยประมาณ 4.97 ล้านตร.ม.หรือกว่า 50% อยู่ในพื้นที่CBDและยังมีแนวโน้มที่จะมากขึ้น เพราะในกรุงเทพฯมีพื้นที่สำนักงานที่กำลังก่อสร้างและมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการระหว่างปี 68 – 70 อีกประมาณ 654,000 ตร.ม. โดยประมาณ 325,430 ตร.ม.หรือกว่า 50% อยู่ในพื้นที่CBDส่วนที่เหลืออยู่นอกพื้นที่CBDโดยกระจายอยู่ในหลายทำเล เช่น สุขุมวิทตอนปลาย บางนา และรัชดาภิเษก”

ทั้งนี้ พื้นที่อาคารสำนักงานในCBDของกรุงเทพฯมีทั้งหมด 4.97 ล้านตร.ม. โดยประมาณ 50% หรือ 2.47 ล้านตร.ม.เป็นพื้นที่สำนักงานเกรดAซึ่งช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีพื้นที่สำนักงานเกรด Aเปิดให้บริการต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่ CBD แต่ความต้องการพื้นที่มีมากต่อเนื่องเช่นกัน ส่งผลให้อัตราว่างลดลง “อัตราว่างโดยรวมลดลงเหลือ 26.0% ในไตรมาสที่3/68 จาก
26.5% ในไตรมาส 2/68 ความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดAยังคงขยายตัว อาคารสำนักงานเกรดAหลายแห่งที่เข้าสู่ตลาดในปี 67 มีอัตราการเข้าใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี68 ซับพลายสำนักงานใหม่ในอนาคตที่มีพื้นที่รวมประมาณ 654,856 ตร.ม.ทั่วกรุงเทพฯที่กำลังก่อสร้างและจะเข้าสู่ตลาดพื้นที่สำนักงานตั้งแต่ปี68-70 โดยที่ประมาณ 325,430 ตร.ม. หรือ 49.7% ของซับพลายใหม่จะอยู่ในพื้นที่CBD


นายอุกฤษฏ์ กล่าวว่า ส่วนค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในภาวะตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง และความต้องการพื้นที่สำนักงานชะลอตัวนี้ ทำให้ตลาดพื้นที่สำนักงานมีการแข่งขันที่รุนแรง การลดค่าเช่าหรือตรึงค่าเช่าโดยแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมา เป็น 1 ในวิธีการดึงผู้เช่าพื้นที่เดิมให้ขยายสัญญาเช่าต่อเนื่อง เพราะผู้เช่าจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะออกจากอาคารเกรดAที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 – 20 ปีไปอาคารสำนักงานเกรดAใหม่ที่มีมาตรฐานในด้านสิ่งแวดล้องและการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าการค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดAเฉลี่ยลดลงเหลือ 937 บาทต่อตร.ม. ต่อเดือนในไตรมาสที่ 3/68 จาก 942 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือนในไตรมาสที่ 2 แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันระหว่างเจ้าของอาคารสำนักงานต่างๆ ว่ามีความรุนแรงมากแค่ไหน

เนื่องจากตลาดพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯยังคงเอื้อประโยชน์ต่อผู้เช่า อัตราค่าเช่าสำนักงานเกรดAในพื้นที่CBDลดลงในไตรมาสนี้ เนื่องจากเจ้าของอาคารสำนักงานเก่าบางรายและอาคารที่เพิ่งเปิดใหม่เสนออัตราค่าเช่าที่ต่ำลงเพื่อรักษาผู้เช่าระยะยาวและดึงดูดผู้เช่ารายใหม่ ผู้เช่ายังต้องการความยืดหยุ่นในเงื่อนไขการเช่ามากขึ้นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ บริษัทที่มีความต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่จะได้รับแรงจูงใจที่ดีจากเจ้าของอาคารสำนักงานให้ย้ายมาเช่าพื้นที่สำนักงาน
ผู้เช่าหลายรายยังมีความต้องการพื้นที่สำนักงานคุณภาพสูงและมีนโยบายหรือมีระบบอาคารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และแนวโน้มการย้ายพื้นที่สำนักงานจากอาคารสำนักงานเก่าไปยังอาคารใหม่จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสต่อๆ ไป


นายอุกฤษฏ์ กล่าวว่าในส่วนของอาคารสำนักงานเก่าที่มีอายุเกิน 20 ปีนั้น ตลาดพื้นที่สำนักงานยังมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องโดยเห็นได้ชัดเจนจากอาคารที่มีอายุเกิน 20 ปีหลายแห่งเริ่มปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกของอาคาร และนำมาตรฐานระดับโลกอย่างLEED / WELL / Wirescoredมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพอาคารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่นTurnstileและระบบลิฟต์อัจฉริยะDestination Controlเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก

ในส่วนของแนวโน้มค่าเช่านั้นหากเป็นอาคารใหม่ที่สามารถเพิ่มอัตราการเช่าขึ้นมาได้ประมาณ 50% ขึ้นไปหรืออาคารที่มีอายุและยังคงรักษาผู้เช่าไว้ได้ที่ระดับประมาณ 80%-90% จะเริ่มมีการปรับค่าเช่าขึ้นเล็กน้อย ในทางกลับกันอาคารใหม่ที่อัตราการเช่ายังต่ำกว่า 50% และอาคารที่มีอายุที่สูญเสียผู้เช่ารายใหญ่จนอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 70% หรือน้อยกว่านั้น จะเริ่มคงค่าเช่าหรือปรับลดลงตามสถานการณ์ของอาคารนั้นๆ

“ทิศทางตลาดพื้นที่สำนักงานในปี69 มีแนวโน้มของความต้องการพื้นที่สำนักงานนั้นอย่างที่เราเห็นส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาบริษัทข้ามชาติซึ่งเป็นผู้เช่ารายใหญ่ ดังนั้นเศรษฐกิจของต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น หรือจีน มีผลต่อตลาดพื้นที่สำนักงานของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ถ้าปี69 ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นก็เป็นไปได้ที่ความต้องการพื้นที่สำนักงานในปี69 จะดีกว่าที่ผ่านมา อีกทั้งพื้นที่สำนักงานที่จะเปิดให้บริการใหม่ปี69 ยังมีไม่มาก เมื่อเทียบกับช่วงปี67 – 68” 


กำลังโหลดความคิดเห็น